“ท่านทักษิณ” ชี้ “ท่านนายกฯอิ๊งค์”แถลงผลงาน3 เดือน ต่อยอดนโยบายทรท. แจง บ้านเพื่อคนไทย สานฝันให้ปชช.มีที่อยู่

“ทักษิณ” ชี้ “นายกฯอิ๊งค์”แถลงผลงาน3 เดือน ต่อยอดนโยบายทรท. แจง บ้านเพื่อคนไทย สานฝันให้ปชช.มีที่อยู่
“ทักษิณ” ชี้ “นายกฯอิ๊งค์”แถลงผลงาน3 เดือน ต่อยอดนโยบายทรท. แจง บ้านเพื่อคนไทย สานฝันให้ปชช.มีที่อยู่ แย้ม นายกฯ ผุดไอเดียคุมทีมเฉพาะกิจ ปราบผู้มีอิทธิพล-ยาเสพติด เมื่อเวลา 08.55 น.วันที่13 ธ.ค.ที่ สถานีรถไฟบางบำรุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการ แถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล เมื่อวันที่12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ได้พูดกับประชาชนว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว ทุกอย่างกำลังจะเสร็จ และปีหน้าให้ประชาชนคาดหวังว่าเราจะทำอะไรต่อโดยเฉพาะการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ที่รัฐจะต้องทำภายใต้ข้อจำกัด และวันนี้ตนจะไปพูดสิ่งที่ได้คุยกับนายกฯไว้ และพรรคจะได้เข้าใจเรื่องทางวิชาการมากขึ้น ยอมรับว่านโยบายบางอย่าง เป็นนโยบายที่เคยทำไว้ในสมัยที่ตนเป็นนายกฯและนำมาต่อยอด และยังเป็นนโยบายที่ยังใช้ได้ดี เช่น เรื่องบ้าน คนไทยทุกคนต้องมีบ้าน ที่เป็นปัจจัยสี่และอยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าคนยากจนอยู่ในสลัม เขาฝันแค่ว่าพรุ่งนี้จะมีกินหรือไม่ เขาไม่กล้าฝันไปไกลขนาดนั้น แต่ถ้าเขาอยู่ในบ้านที่สะอาดปลอดภัย เขาจะเริ่มฝันว่าจะสร้างอนาคตให้กับลูกอย่างไร ความฝันเป็นตัวขับเคลื่อนสังคม ต้องทำให้คนไทยได้ฝันในสิ่งที่สูงขึ้น
เมื่อถามว่าในสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อ มีเรื่องปัญหา ยาเสพติดและธุรกิจใต้ดิน รวมถึงผู้มีอิทธิพล นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด เห็นว่านายกฯจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเหมือนในอดีต โดยนายกฯ จะคุมเอง ทำแบบนี้อิทธิพลเกลี้ยงแน่ บางทีก็ต้องเอาสักหน่อยเพราะปล่อยเอาไว้นาน แล้วถ้าหลายจังหวัดเป็นแบบนี้ตำรวจก็ต้องจัดการ เพราะตำรวจเดี๋ยวนี้ฟิตไม่ต้องห่วง ไม่ต้องซื้อขายตำแหน่งแล้ว ทำงานให้เต็มที่ ซึ่งการทำนาของนายกตนมีความภูมิใจ แต่บางทีก็ห่วงใยเพราะบ้านเมืองยากขึ้น นายทักษิณ กล่าวติดตลกว่า ตอนนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักไทย คนเดียวกัน แต่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยผมยาวกว่า

สารคดี ไก่ย่างไทย เสนอประวัติความเป็นมาของ ไก่ไทย อายุ 3500 ปี ครับ

สารคดี ไก่ย่างไทย เสนอประวัติความเป็นมาของ ไก่ไทย อายุ 3500 ปี ครับ เรื่องของไก่ ใครว่าไม่สำคัญ สารคดี ไก่ย่าง เสนอประวัติความเป็นมาของ ไก่ไทย อายุ 3500 ปี ครับ
นับเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่มนุษย์ได้จับ ไก่ป่าเพื่อนำมาเลี้ยงเป็น ไก่บ้าน ในประเทศจีนมีการเลี้ยงไก่กันมาประมาณกว่า 3,000 ปี ไก่ที่เลี้ยง ณ กรุงบาบิโลน ได้ถูกนำไปจากอินเดียเมื่อ 2,500 ปี หลังจากนั้นอีกราว 100 ปี ต่อมาก็ขยายพันธุ์ไปที่ประเทศกรีซ ที่กรุงโรมพบว่ามีการเลี้ยงไก่มาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษ แต่การเลี้ยงไก่กันอย่างจริงจังนั้นเริ่มมาเมื่อประมาณกว่า 100 ปีนี้เอง และสิ่งที่ช่วยให้การเลี้ยงไก่แพร่หลายในอดีต ก็คือ การชนไก่ ซึ่งเป็นได้ทั้งเกมกีฬาและการพนัน ที่นับว่าเป็นสิ่งจูงใจของนักเลี้ยงไก่ทั่วไป ต่อมามนุษย์มีความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น เนื้อและไข่ของไก่ซึ่งมีรสชาติอร่อย ให้คุณค่าทางอาหารสูงจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีการพัฒนาสายพันธุ์ไก่เรื่อยมา จนกระทั่งมีการเลี้ยงขยายพันธุ์ไปทั่วโลก
ต้นตระกูลของไก่ ไก่ เป็นสัตว์ปีกประเภทนก ต้นตระกูลมาจากสัตว์เลื้อยคลาน ดังปรากฏพบหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ของนกชนิดแรกในโลก ที่แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เมื่อปี ค.ศ. 1861 ซากดังกล่าวมีอายุประมาณ 130 ล้านปี มีลักษณะกึ่งนกกึ่งสัตว์เลื้อยคลาน คือที่ปากมีฟัน มีเล็บยื่นออกมาจากปลายปีกและมีกระดูกหางยาว ซึ่งเป็นลักษณะของสัตว์เลื้อยคลาน ในขณะเดียวกันก็มีขนปกคลุมลำตัวเช่นเดียวกับนก ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกซากนี้ว่า “ อาร์คีออพเทอริกซ์ ” จาก “ อาร์คีออพเทอริกซ์ ” ได้พัฒนาการสืบทอดต่อกันมาจนกระทั่งกลายเป็นนกที่มีขนาดของรูปร่าง สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันออกไปกว่า 9,000 ชนิด สามารถจัดเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 27 อันดับ และ 1 ใน 27 อันดับ คือ Galliformes ซึ่งเป็นอันดับของ ไก่ป่า ไก่งวง ไก่ต๊อก ไก่ฟ้า ฯลฯ และถ้าแยก ไก่ เหล่านี้ออกเป็นวงศ์ ไก่ป่าและไก่ฟ้าจัดอยู่ในวงศ์ Phasianidae ไก่ต็อกอยู่ในวงศ์ Numididdae และไก่งวงอยู่ในวงศ์ Meleagrididae
ไก่ป่า ( Jungle fowl ) ไก่ป่า มีลักษณะสำคัญที่ผิดกับนกชนิดอื่นๆ คือ บนหัวมีหงอนที่มีลักษณะเป็นเนื้อไม่ใช่หงอนที่เป็นขน มีเหนียงสองข้างห้อยลงมาที่โคนปากและคาง ที่บริเวณหน้าและคอนั้นมีลักษณะเป็นหนังเกลี้ยงๆ ไม่มีขน ส่วนขนตามตัวทั่วๆ ไปมีสีสันสวยงาม ขนหางตั้งเรียงกันเป็นสันสูงตรงกลาง มีขนหาง 14 – 16 เส้น เส้นกลางยาวปลายแหลมและอ่อนโค้ง แข้งมีเดือยข้างละอันเป็นอาวุธ ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้และสีขนไม่ฉูดฉาดสวยงามเท่าตัวผู้ แข้งไม่มีเดือย หงอนและเหนียงมีขนาดเล็กมาก จนกระทั่งบางตัวแทบจะไม่มี ไก่ป่า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ตลอดไปจนถึงประเทศจีน เกาะไหหลำ อินเดีย พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ไก่ป่า เป็นบรรพบุรุษของ ไก่บ้าน แตกต่างกันตรงที่ไก่ป่า มีขาเป็นสีเทาและตรงบริเวณโคนหางมีสีขาวเห็นเด่นชัด
ในอดีต ตั้งแต่สมัยก่อนกรุงสุโขทัยเป็นต้นมา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศไทยยังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่ามากมายหลายประเภท โดยเฉพาะนกชนิดต่างๆ การล่านกเพื่อเป็นอาหารนับว่าเป็นเรื่องปกติของชาวบ้านทั่วๆไป และถือว่าเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ทำให้นกหลายชนิดต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย ในจำนวนนกที่ถูกล่าเพื่อเป็นอาหารนั้น ไก่ป่า ซึ่งเป็นนกประเภทหนึ่งที่มีอยู่อย่างชุกชุมถูกล่ามากที่สุด เนื่องจากว่าเนื้อมีรสอร่อย ถ้าไม่สังเกตให้ดี ไก่ป่า จะไม่มีความแตกต่างจาก ไก่บ้าน มากนัก เนื่องจากว่า ไก่บ้าน สืบสายพันธุ์มาจาก ไก่ป่า โดยมนุษย์ได้นำ ไก่ป่า มาเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์ในครัวเรือนเป็นเวลานานกว่า 4,400 ปี นอกจากจะเรียกนกชนิดนี้ว่า ไก่ป่า แล้ว บางครั้งยังเรียกว่า ไก่เถื่อน อีกด้วย ปัจจุบันไก่ป่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ถึงแม้ว่า ไก่ป่า จะถูกตามล่าอยู่เป็นประจำ แต่เนื่องจาก ไก่ป่า มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จำนวนของ ไก่ป่า ตามธรรมชาติจึงคงมีเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก และจัดเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ทั่วทุกภาค ตั้งแต่บนที่ราบต่ำ จนถึงระดับความสูง 1,800 เมตร ในต่างประเทศเคยพบที่ระดับความสูง 2,000 เมตร ซึ่งนับว่าสูงมากทีเดียว
ไก่ป่าดั้งเดิมมีอยู่ 4 ประเภท คือ 1. ไก่ป่าไทย หรือ Red Jungle fowl ตัวผู้มีลักษณะที่สำคัญ คือ หน้าอกและใต้ท้องมีสีดำ ตัวเมียหน้าอกสีน้ำตาลแกมแดง บนหลังมีลายเลือนๆไม่ชัดเจน พบในเอเซีย เช่น อินเดีย พม่า ไทย อินโดนีเซีย สำหรับ ไก่ป่าไทย ในประเทศไทยแยกออกเป็นชนิดย่อยอีก 2 ชนิด คือ - ไก่ป่าตุ้มหูขาวหรือไก่ป่าอีสาน - ไก่ป่าตุ้มหูแดงหรือไก่ป่าพันธุ์พม่า
2. ไก่ป่าลังกา หรือ La Fayette’s Jungle fowl ตัวผู้มีสีแดงแทบจะทั้งตัว หน้าอกและใต้ท้องก็เป็นสีแดง ผิดกับไก่ป่าไทยซึ่งหน้าอกและใต้ท้องมีสีดำ ปลายปีกและหางสีดำแกมม่วง ตุ้มหูขาว ตัวเมียหน้าอกเป็นลายเลือนๆสีน้ำตาล ปลายปีกและหางมีลายขวาง มีเฉพาะในเกาะลังกา 3. ไก่ป่าอินเดีย หรือ Sonnerat’s Jungle fowl ตัวผู้ขนสร้อยคอกลมมนและมีจุดขาวๆ บนหลัง หน้าอกและใต้ท้องเป็นสีเทามีลายตามขอบขนดำๆ ปลายปีกและหางดำแกมเขียว แข้งสีดำ ตุ้มหูแดง ตัวเมียหน้าอกขาวลายขอบขนดำ ปีกและหางมีลายเลือนๆมีในภาคกลางและภาคใต้ของอินเดีย 4. ไก่ป่าชวา หรือ Green Jungle fowl ตัวผู้ขนสร้อยคอสั้นและกลมมนสีเขียว ตัวเมียหน้าอกสีน้ำตาลคล้ำ ส่วนบนของลำตัวมีลายดำทั่วไป มีในเกาะชวาและหมู่เกาะเล็กๆทางทิศตะวันออก
จาก ไก่ป่า ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งกลายเป็น ไก่อู ซึงเป็นต้นตระกูลของ ไก่ชน ในระยะเริ่มแรก ไก่อู มีหลายสี รูปร่างมีขนาดใหญ่แต่ปราดเปรียว ไข่ดกและมีเนื้อมาก เมื่อถูกนำมาเป็น ไก่ชน จะมีความทรหดอดทน แข็งแรง และมีความทนทานในการต่อสู้
ไก่ชน มีประวัติเล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ( 356 – 323 ปี ก่อนคริสตกาล ) ซึ่งเป็นจอมจักรพรรดิของกรีก ได้กรีธาทัพแผ่อิทธิพลขยายอาณาจักรเข้ามายังประเทศอินเดีย มีเรื่องเล่ากันว่าแม่ทัพนายกองได้เห็น การชนไก่ ที่อินเดีย จึงได้นำ ไก่ชน ไปขยายพันธุ์ ณ เมือง อเล็กซานเดรีย ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากนั้นได้นำไก่ที่ขยายพันธุ์ได้ไปฝึกให้มีชั้นเชิงการต่อสู้แบบโรมัน เพื่อนำไปต่อสู้ในสนามโคลีเซียม เมื่ออังกฤษปกครองอินเดียได้นำ ไก่ชน จากอินเดียเข้าไปเผยแพร่ในอังกฤษ โดยยอมรับว่า กีฬาไก่ชน เป็นเกมกีฬาที่ควรได้รับความนิยมจากบุคคลชั้นสูงเช่นเดียวกับการแข่งม้าและฟันดาบ นอกจากนี้ กีฬาชนไก่ ยังได้เผยแพร่เข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ไก่ชนในเอเซีย กีฬา ไก่ชน หรือ ตีไก่ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเซีย เช่น ไทย พม่า ลาว เขมร มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย การชนไก่ ในแถบเอเซียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และเชื่อว่า ไก่ชน มีพัฒนาการมาจาก ไก่ป่า ซึ่งมนุษย์นำมาเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารประจำบ้าน เมื่อ ไก่ป่า มาอยู่กับคนนานเข้า ก็ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นิสัยประจำตัวของไก่คือหวงถิ่นที่อยู่ ถ้ามีไก่ตัวอื่นๆ ข้ามถิ่นเข้ามาก็จะออกปกป้องที่อยู่อาศัย หรือเมื่อมีการแย่งผสมพันธุ์กับตัวเมีย ไก่ตัวผู้ก็จะตีกัน ซึ่งทำให้เกิดการถือหางกันระหว่างเจ้าของไก่ และด้วยนิสัยของนักพนันจึงทำให้มีการแข่งขันกัน การพัฒนาสายพันธุ์ของ ไก่ป่า จึงมีวิวัฒนาการเรื่อยมา ประดู่แดงหางดำ
ไก่ชนในเมืองไทย ในอดีต พันธุ์ ไก่ชน ไทยเป็น “ มรดกของไทย “ มาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือพันธุ์ “ ประดู่หางดำ ” และ “ เหลืองหางขาว ” ในสมัยกรุงสุโขทัย ไก่ชนประดู่หางดำพันธุ์แสมดำ ได้ชื่อว่า “ ไก่พ่อขุน ” เนื่องจากว่าเป็นไก่ที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงโปรด สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงนำ “ ไก่เหลืองหางขาว ” จากบ้านกร่าง เมืองพิษณุโลก ไปชนชนะไก่ของพระมหาอุปราชาที่กรุงหงสาวดี ไก่พันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกัน ตามซุ้มที่เลี้ยง ไก่ชน มักจะมี ไก่ชนเหลืองหางขาว เลี้ยงไว้เพื่อเป็นไก่นำโชค และนิยมเรียกชื่อว่า “ ไก่เจ้าเลี้ยง ” ประดู่หางดำ ไก่เหลืองหางขาว เนื่องจากประเทศไทยอยู่ใกล้กับอินเดีย จึงทำให้ไทยได้รับขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อทางศาสนา ตลอดจนศิลปวิทยาการต่างๆมาจากอินเดียหลายอย่าง อาจจะเป็นไปได้ที่ไทยได้นำ ไก่ชน จากอินเดียมาเพาะเลี้ยง และคงจะมีการนำ ไก่ชน เข้ามาก่อนที่อังกฤษจะนำ ไก่ชน ไปจากอินเดีย ทั้งนี้เนื่องจากว่า สมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ทรงใช้ ไก่ชน ดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองมาก่อนที่อินเดียจะเสียเอกราชให้แก่อังกฤษเสียอีก แต่อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นไปได้ที่ ไก่ชน ของไทยมีมานานก่อนแล้ว แต่ ไก่ชนพันธุ์อินเดีย คงจะเข้ามาในประเทศไทยพร้อมๆ กับศาสนาพราหมณ์และวัฒนธรรมอื่นๆ
การ ต่อไก่ ชนไก่ และการ ฝึกไก่ มีปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็มีการละเล่น เพลงปรบไก่ และ การชนไก่ ในฤดูที่ว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรมเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึง ยุคสมัยเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ( จอมพล ป. พิบูลสงคราม ) ที่ส่งเสริมการทำสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ ได้นำ ไก่พันธุ์เล็กฮอร์น พันธุ์ออสตราลอฟ และพันธุ์โรดไอส์แลนด์เรด มาทำการผสมพันธุ์กับ ไก่ชน ที่ชาวบ้านเลี้ยงกันอยู่จนกระทั่งกลายเป็นไก่พันธุ์ทาง ทั้งยังประกาศให้เลิกเลี้ยง ไก่ชน อีกด้วย ไก่ชนเลือดแท้ในยุคสมัยนั้นจึงมีเหลือแอบเลี้ยงกันบางแห่งเท่านั้น ทำให้วงการไก่ชนของไทยซบเซาลงไป ครั้นถึงรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มีการฟื้นฟู กีฬาไก่ชน ขึ้นมาอีกจนกระทั่งทุกวันนี้ ปัจจุบันการเลี้ยง ไก่ชน แยกออกได้หลายประเภท ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่างๆตามความนิยม เช่น เลี้ยงเพื่อการค้า โดยการขายเป็นพ่อพันธุ์ในราคาที่สูง หรือเพื่อการนำไปแข่งขัน และเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมในฟาร์มขนาดใหญ่ เพื่อทำธุรกิจส่งออก เป็นต้น ประดู่ขาม ดองกี่ ไก่กับสังคมไทย
ความผูกพันระหว่างคนไทยกับ ไก่ มีมานานจนไม่อาจประมาณเวลาได้ ในสมัยอดีตตามชนบทแทบทุกหมู่บ้านนิยมเลี้ยง ไก่ ไว้สำหรับเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน เพื่อไว้ดูเล่น เป็นอาหารหลักและอาหารเสริม หรือเลี้ยงไว้เพื่อใช้ในการชนแข่งขัน ไก่ จึงมีความเกี่ยวพันกับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของสังคมไทยนานับประการ อาทิ ก ไก่ เป็นพยัญชนะตัวแรกของอักษรไทย ไก่ เป็นสัตว์เสี่ยงทายและเซ่นไหว้บูชาเทวดาอารักษ์ ไก่ เป็นตัวเอกในนิทานหรือบทขับร้องสำหรับเด็ก ในวรรณคดีไทยหลายๆ เรื่อง เช่น ลิลิตพระลอ ตอน พระลอตามไก่ “ …ปู่เลือกไก่ตัวงาม ทรงทรามวัยทรามแรง สร้อยแสงแดงพพราย ขนเขียวลายยยับ ปีกสลับเบญจรงค์ เลื่อมลายรงค์หงสบาท… ”
หรือเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน จับไก่เถื่อนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา ฯลฯ ไก่กับภาษาไทย
ก ไก่ เป็นพยัญชนะตัวแรกของไทย ที่เชื่อกันว่าดัดแปลงมาจากอักษรของอินเดีย ในอดีตพยัญชนะตัวนี้ยังไม่มีชื่อเรียก มีแต่เพียงรูปอักษร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2442 สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้นิพนธ์แบบเรียนเร็วขึ้น เพื่อให้เด็กสามารถจดจำการอ่านได้ง่ายและเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเลือกคำที่เด็กเห็นและคุ้นเคยเสมอๆ จึงเป็นที่มาของแบบเรียน ก ไก่ ข ไข่ ฯลฯ ไก่ เป็นสัตว์ที่รวมอยู่ในกลุ่มปีนักษัตรไทย คือ ปีระกา และไก่ ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดลำปาง “ เมืองไก่ขาว ” ด้วย ไก่ นับว่าเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนไทยมากเช่นเดียวกับ สุนัข และแมว นอกจากจะเลี้ยง ไก่ ไว้ในบ้านแล้ว ตามบริเวณวัดวาอารามมักจะเลี้ยง ไก่แจ้ หรือ ไก่ฟ้า ไว้เพื่อประดับในวัด จนอาจจะเป็นที่มาของสำนวนเปรียบเทียบที่ได้ยินกันเสมอว่า “ สมภารต้องไม่กินไก่วัด ” กิริยาอาการ และคุณลักษณะของ ไก่ ถูกมาใช้เปรียบเทียบหรือเปรียบเปรยเป็นสุภาษิตและคำพังเพยในภาษาไทยมากมาย อาทิ
ไก่กินข้าวเปลือก : ธรรมชาติของไก่ชอบกินข้าวเปลือก อุปมาว่าตราบใดที่ไก่ยังกินข้าวเปลือก คนก็ยังชอบกินสินบนอยู่ตราบนั้น ไก่แก่แม่ปลาช่อน : หญิงมีอายุที่มีมารยาและเล่ห์เหลี่ยมมาก หรือมีกิริยาจัดจ้าน ไก่ขึ้นรัง : เวลาพลบค่ำ ไก่เขี่ย : เขียนหวัดยุ่งจนเกือบอ่านไม่ออก ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง : ไก่งามตามธรรมชาติ คนแต่งเพิ่มเติม ไก่นา : โง่ ไก่ได้พลอย : ผู้ที่ไม่รู้จักคุณค่า หรือราคาของที่พบ ไก่บินไม่ตก : บ้านเรือนหนาแน่น ไก่รองบ่อน : เป็นตัวสำรอง ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ : รู้ความลับของกันและกัน รู้เท่าทัน ไก่โห่ : เวลารุ่งสาง ก่อนเวลา ( มาตั้งแต่ไก่โห่ ) ไก่อ่อน : อ่อนหัด ไม่ชำนาญ
งงเป็นไก่ตาแตก : อาการของคนที่ทำอะไรไม่ถูกในสถานการณ์นั้นๆ เจ้าชู้ไก่แจ้ : อาการของผู้ชายที่เกี้ยวผู้หญิงป้อไปมา เช่นไก่แจ้ที่เดินกรีดกรายป้อตัวเมีย ซีดเหมือนไก่ต้ม : เปรียบเทียบใบหน้าของผู้ที่ฟื้นจากไข้ หรือหวาดกลัว ตัดหางปล่อยวัด : สำนวนนี้มาจากการสะเดาะเคราะห์ของคนโบราณ ที่เอาไก่มาตัดหางแล้ว นำไปปล่อยที่วัด คือเป็นผู้ที่ไม่มีใครสนใจไยดี ตื่นก่อนไก่ : ตื่นเช้า ปล่อยไก่ : ปล่อยความโง่ให้ผู้อื่นเห็น เป็ดขันประชันไก่ : เปรียบเทียบกับผู้ทำสิ่งที่ตนทำไม่ได้ แข่งกับผู้ที่ชำนาญกว่า ฯลฯ
ปัจจุบันนี้ ไก่ นับได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องด้วย ไก่ เป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่าปีละหลายร้อยล้านบาท จนสามารถทำให้เจ้าของธุรกิจ กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับได้. บรรณานุกรม ดอน จาริก. “ ไก่ชนสมเด็จพระนเรศวรและของดีเมืองพิษณุโลก, ” เที่ยวรอบโลก. 9(97) : 93-99 ; กันยายน 2533. นิสิต ตั้งตระการพงษ์. ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช. พิษณุโลก: ตระกูลไทย. 2535. สัตว์ ๑๒ นักษัตรไทย. กรุงเทพ : สารคดี,2539. สุวภา แก้วสุข และประวิทย์ สุวณิชย์. “ ไก่งามเพราะขน,” สารคดี. 3(36) : 104-119 ; กุมภาพันธุ์ 2531. อำพล สุวรรณธาดา. “ ไก่ชน, ” ศิลปวัฒนธรรม. 18(😎 : 164-170 ; มิถุนายน 2540. รวบรวมข้อมูลโดย : ฝ่ายวารสารและเอกสาร สนเทศน่ารู้ ขึ้นด้านบน ดูน้อยลง
สารคดี ไก่ย่างไทย เสนอประวัติความเป็นมาของ ไก่ไทย อายุ 3500 ปี ครับ

วิธีทำลูกชิ้นหมูเด้ง วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025

❝ ลูกชิ้น คือ หนึ่งในของกินเล่นที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ นอกจากจะนำมากินเป็นของว่าง เช่น ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด แล้วนั้น “ลูกชิ้นปลา” หรือลูกชิ้นรักบี้ ยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมใส่ในอาหารชนิดต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ยำลูกชิ้น ขนมจีนน้ำยาใส่ลูกชิ้น เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย ❞ วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 🤔 แต่รู้ไหม? ลูกชิ้น ที่ขายในท้องตลาดทั่วไปนั้น มักจะมีส่วนผสมของแป้งและอื่น ๆ ทำให้เราไม่ได้ลูกชิ้นปลาแท้ 100% แต่กลับได้ลูกชิ้นผสมแป้งมาแทน นอกจากจะรสชาติไม่อร่อยเท่าแล้วยังทำให้อ้วนได้อีกด้วย ดังนั้น หากต้องการกินลูกชิ้นปลาที่ดีต่อสุขภาพ สะอาด และอร่อยนั้น ตามแอดมินมาดู วิธีทำลูกชิ้น แบบง่าย ๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้กันดีกว่า ลูกชิ้นหมู broken image ใครอยากทำลูกชิ้นหมูเอาใจคนพิเศษ ขอนำเสนอวิธีทำลูกชิ้นหมู สูตรจาก คุณนางสาวเซาะกราว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใช้หมูบดติดมันผสมกับแป้ง ใส่เครื่องปรุงรสต่าง ๆ สุดท้ายเอาไปต้มจนสุก เอาไปทำผัดกะเพราลูกชิ้นหมูหรือเอาไปผัดกับเส้นก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยจ้า ส่วนผสม ลูกชิ้นหมู วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025 • แป้งข้าวโพด (หรือแป้งมันสำปะหลัง) 3 ช้อนโต๊ะ • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 5 ช้อนโต๊ะ • เกลือป่น 1 ช้อนชาพูน ๆ • พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ • ผงชูรส 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ • น้ำเย็นจัด 1+1/2 ถ้วย • เนื้อหมูบดติดมัน 700 กรัม (หรือเนื้อสัตว์อื่นตามชอบ) • น้ำเปล่า • น้ำร้อน • กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลูกชิ้นหมู วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025 1. ผสมแป้งข้าวโพด แป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือป่น พริกไทยป่น น้ำตาลทราย ผงชูรส และผงฟู เข้าด้วยกันในอ่างผสม เทน้ำเย็นลงไป คนผสมให้ทุกอย่างเข้ากัน 2. ใส่เนื้อหมูบดลงไป ตีผสมด้วยเครื่องให้เข้ากันประมาณ 10 นาที จนส่วนผสมเหนียวและเข้ากันดี นำไปแช่ตู้เย็น 3. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อหรือกระทะ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด บีบส่วนผสมลูกชิ้นเป็นลูกใส่ลงไปในน้ำร้อน วิธีบีบลูกชิ้นให้ใช้มือตักเนื้อมากำไว้หลวม ๆ นิ้วชี้และนิ้วโป้งทำเป็นรูเล็ก ๆ เพื่อให้เนื้อที่บีบลอดออกมา แล้วกำมือให้แน่นขึ้น เนื้อก็จะลอดออกมา พอเนื้อลอดออกมาใช้ช้อนตักใส่ในกระทะเลย ลองบีบดูก่อนก็ได้ อยากได้ลูกขนาดไหนให้บีบและต้มดูก่อนสัก 2-3 ลูก 4. เมื่อลูกชิ้นสุกก็จะลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นแช่ไว้ในน้ำเย็นจัดทันที พร้อมเสิร์ฟ ลูกชิ้นหมูเด้ง broken image มาต่อกันที่อีกสูตรลูกชิ้นหมู นั่นคือ วิธีทำลูกชิ้นหมูเด้ง สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่เนื้อหมูล้วน ๆ นวดกับน้ำปรุงรสจนเข้ากัน พอเนื้อเหนียวก็ปั้นเป็นก้อนกลมและต้มจนสุก ส่วนผสม ลูกชิ้นหมูเด้ง วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025 • เนื้อหมู (ไม่เอามัน) 1,000 กรัม • น้ำเย็น 1/2 ถ้วย • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ • ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ • ผงแอคคอร์ด 1 ช้อนโต๊ะ (เป็นสารช่วยให้เนื้อสัตว์เกาะตัวกันได้ดี ไม่เสียน้ำหนักค่ะ) • พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ • ผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลูกชิ้นหมูเด้ง วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025 1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปแช่ช่องแข็ง ประมาณ 45 นาที หรือจนกว่าจะเริ่มแข็งนิด ๆ มีน้ำแข็งเกาะนิดหน่อย 2. นำออกมาใส่โถปั่น ปั่นครั้งที่ 1 จนเนื้อละเอียด พอปั่นเสร็จเอาไปแช่ช่องแข็งต่อ ประมาณ 15 นาที จนเย็นจัด 3. ทำน้ำปรุงรสลูกชิ้น โดยผสมน้ำเย็นจัดกับซีอิ๊วขาว ใส่น้ำตาลทราย เกลือ แป้งข้าวโพด ผงฟู ผงแอคคอร์ด (สารนี้ทำให้เนื้อสัตว์เกาะตัวกันดี ทำให้เนื้อลูกชิ้นแน่นไม่เละ ไม่มีอันตรายใด ๆ) และพริกไทยป่น คนให้เข้ากัน 4. นำเนื้อหมูที่บดแล้วแช่เย็นจัดใส่โถปั่น ใส่เครื่องปรุงที่เราผสมไว้ลงไปนวดให้เข้ากัน (ถ้านวดมือก็นวดนาน ๆ ฟาดกับกะละมังเหมือนทำทอดมัน) นวดจนเนื้อลูกชิ้นเนียนเหนียวจนพอใจ ตักส่วนผสมเล็กน้อยใส่ชามแล้วนำไปเข้าไมโครเวฟจนสุก เพื่อชิมรสก่อน) ใช้เวลาปั่นประมาณ 15 นาที จากนั้นเอาโถไปใส่ในช่องแข็งประมาณ 45 นาที 5. ปั้นลูกชิ้น โดยตักส่วนผสมทีละนิดมาปั้น (หากะละมังใส่น้ำแข็งรองก้นระหว่างการปั้น เพื่อให้เนื้อลูกชิ้นได้รับความเย็นจัดอยู่ตลอดระหว่างการปั้น) 6. ตั้งน้ำให้ร้อน แต่ไม่ต้องเดือด ตักส่วนผสมมาใส่มือ เอานิ้วโป้งและนิ้วชี้คอยบังคับ บีบ ๆ ให้เนื้อลูกชิ้นปลิ้นออกมาระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง เอาช้อนที่จุ่มน้ำมาปาดลูกชิ้นใส่หม้อน้ำต้ม ต้มทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องเพิ่มไฟ ให้น้ำนิ่ง ๆ เพื่อด้านในของลูกชิ้นจะได้สุกทั่วถึง ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมน้ำแข็งใส่น้ำให้เย็นจัดรอไว้ก่อนค่ะ ต้มไป 15 นาที 7. พอครบเวลา 15 นาทีแล้วเราจะตักขึ้นใส่ในน้ำเย็นจัดทันที เพื่อหยุดความร้อนแล้วทิ้งไว้ก่อน ประมาณ 3-5 นาที ให้อยู่ในน้ำเย็น จากนั้นเราตักขึ้นจากน้ำเย็นใส่กระชอน พักให้สะเด็ดน้ำ พร้อมเสิร์ฟ แนะนำ เครื่องทำลูกชิ้น ที่ผสมได้ละเอียด ทำให้ได้รสชาติ ลูกชิ้น ที่ดีกว่า
วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ
วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025 วิธีทำลูกชิ้นหมูเด้ง วิธีทำลูกชิ้น สูตรไทยโบราญ 2025

เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน

เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน เข้าระบบเว็บ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน Baanpheukonthai ที่ดินทำเลทอง ที่อยู่อาศัย บ้านหลังแรก ราคาจับต้องได้ ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บ. ดูขั้นตอนแสดงเจตจำนง วิธีลงทะเบียนจองบ้าน วันประกาศผลผู้ได้รับสิทธิ แบบบ้านตัวอย่าง "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาอัปเดต โครงการบ้านเพื่อคนไทย ล่าสุด ประเดิมวันแรก 17 มกราคม 2568 Baanpheukonthai เปิดให้เข้าระบบเว็บ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดินทำเลทอง ที่อยู่อาศัย ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังแรก ราคาจับต้องได้ ไม่ต้องดาวน์สักบาท ผ่อนสบาย ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี เช็กขั้นตอนแสดงเจตจำนง วิธีลงทะเบียนจองบ้าน วันประกาศผลผู้ได้รับสิทธิ ดูรูปแบบบ้านตัวอย่าง ห้องตัวอย่าง ได้ที่นี่ เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน
บ้านเพื่อคนไทย คืออะไร? โครงการ"บ้านเพื่อคนไทย" Baanpheukonthai เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด หรือ Affordable Housing โดยมีเป้าการพัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพสูง ในพื้นที่ศักยภาพ ซึ่งจะใช้ที่ดินของการรถไฟในพื้นที่ ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก เป็นการพัฒนาคอนโดคุณภาพดีขนาดเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร พร้อมสาธารณูปโภคครบครันและทันสมัย มีระบบการรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ รวมทั้งมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย เพื่อเป็นบ้านสำหรับคนทำงานที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า ผ่อนถูก ไม่ต้องดาวน์ และถือครองในระยะเวลา 99 ปี
โครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มาดำเนินโครงการ ซึ่งจะมีโครงการหรือพื้นที่ดำเนินการที่มีศักยภาพที่สุด 25 พื้นที่ ทั่วประเทศ แต่ในการดำเนินโครงการระยะแรก(โครงการนำร่อง) จะมีพื้นที่โครงการ 4 พื้นที่(บริเวณสถานีรถไฟ) ดังนี้
พื้นที่โครงการบางซื่อ กม.11(วิภาวดี) ขนาดพื้นที่ 9.38 ไร่ พื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ขนาดพื้นที่ 17.75 ไร่ พื้นที่โครงการเชียงราก(ปทุมธานี) ขนาดพื้นที่ 18.05 ไร่ พื้นที่ธนบุรี ขนาดเนื้อที่ 23.00 ไร่ เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน เปิดจองบ้านเพื่อคนไทย จองสิทธิ์วันไหน? เปิดจองสิทธิ์บ้านเพื่อคนไทย วันนี้ 17 มกราคม 2568 ลงทะเบียนจองสิทธิ์ พร้อมกัน เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th www.xn-
โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการในวันที่ 17 ม.ค. 68 ที่บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมตรวจความพร้อม และเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยด้วยตนเอง เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เปิดตัว 'บ้านเพื่อคนไทย' คุมเข้ม 7 มาตรการป้อง 'ทุจริต' เปิดตัว 'บ้านเพื่อคนไทย' คุมเข้ม 7 มาตรการป้อง 'ทุจริต' 17 ม.ค. 2568 | 6:34 ลงทะเบียนจอง บ้านเพื่อคนไทย 17 ม.ค. ผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th เช็กเงื่อนไข ลงทะเบียนจอง บ้านเพื่อคนไทย 17 ม.ค. ผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th เช็กเงื่อนไข 15 ม.ค. 2568 | 19:16 ดีเดย์ 17 ม.ค. 68 เปิดบ้านตัวอย่าง 'บ้านเพื่อคนไทย' เช็กขั้นตอนลงทะเบียน-จองสิทธิ ดีเดย์ 17 ม.ค. 68 เปิดบ้านตัวอย่าง 'บ้านเพื่อคนไทย' เช็กขั้นตอนลงทะเบียน-จองสิทธิ 13 ม.ค. 2568 | 16:29
พื้นที่สร้างบ้านเพื่อคนไทย "บ้านเพื่อคนไทย" พื้นที่การพัฒนาปัจจุบันเริ่มต้นในกรุงเทพมหานคร โดยการพัฒนาจะเริ่มในพื้นที่ที่สัมพันธ์กับขนส่งสาธารณะระบบราง โครงการบ้านนี้ จึงไม่ใช่แค่การพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่พักอาศัยราคาเข้าถึงได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังสัมพันธ์กับการพัฒนาพื้นที่เมืองซึ่งสัมพันธ์กับขนส่งสาธารณะหรือ Transit Oriented Development (TOD) บ้านพักอาศัยจะขยายร่วมไปกับพื้นที่ขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะสัมพันธ์กับการขยายตัวของเมืองต่อไป ทั้งยังตอบสนองเรื่องราคาที่ดินที่ทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น การถือครองที่ไม่จำเป็นต้องส่งต่อแต่เมื่อครบ 99 ปีแล้ว อาคารและการลงทุนกลับมาเป็นพื้นที่ของรัฐต่อไป เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน ข้อดีโครงการบ้านเพื่อคนไทย บ้านราคาประหยัดคุณภาพสูง (ให้สิทธิ์คนไทย ที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน) ไม่ต้องดาวน์ ไม่คิดเงินดาวน์ ผ่อนน้อย คิดค่าเช่า ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี กระจายตัวไปกับการเจริญเติบโตของเมือง มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย คนเริ่มทำงานก็สามารถมีสิทธฺ์ได้ ถ้าจ่ายครบยอด ได้รับสิทธิ ถือครอง 99 ปี
รูปแบบโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด หรือ Affordable Housing ในพื้นที่ศักยภาพที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน มีทั้ง "คอนโดมิเนียม" และ "บ้านเดี่ยว" คอนโดมิเนียม : คอนโดมิเนียมขนาดห้องพักขนาด 30-51 ตารางเมตร เบื้องต้น ขนาด 8 ชั้น หลังจากนั้นจะขยายโครงการเป็น 45 ชั้น บ้านเดียว : บ้านชั้นเดียว ขนาด 50 ตารางวา บ้านเพื่อคนไทย จะให้สิทธิเป็นบ้านหลังแรก มีอัตราการผ่อนเริ่มที่ประมาณ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ในการครอบครองได้รับสิทธิถือครอง 99 ปี พื้นที่โครงการนำร่องในการพัฒนา 4 แห่ง รวมกว่า 5,800 หน่วย ประกอบด้วย พื้นที่บางซื่อ กม.11 พื้นที่สถานีเชียงใหม่ พื้นที่สถานีเชียงรากน้อย และพื้นที่สถานีธนบุรี
โครงการบ้านเพื่อคนไทยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะเร่งด่วน (พ.ศ.2567 - 2568) โครงการบ้านเพื่อคนไทยสำหรับโครงการนำร่อง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 การดำเนินการโครงการอาคารชุด 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่เชียงราก พื้นที่บางซื่อ กม.11 ระยะที่ 2 การดำเนินการโครงการบ้านพัก 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่กาญจนบุรี และพื้นที่นครราชสีมา ระยะสั้น (พ.ศ. 2569 - 2571) โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับโครงการตามแผนงานเบื้องต้น จำนวน 22 โครงการ ระยะกลาง (พ.ศ. 2572 - 2576)
โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับพื้นที่ที่มีศักยภาพ จำนวน 87 โครงการ เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน พื้นที่นำร่องของการพัฒนาบ้านเพื่อคนไทย ภายใต้ที่ดินการรถไฟฯ เบื้องต้นมี 4 โครงการ ประกอบด้วย ที่ดินพื้นที่โครงการบางซื่อ กม.11(วิภาวดี) ขนาดพื้นที่ 38 ไร่ ที่ดินของการรถไฟฯ แปลงนี้อยู่ในแผนการพัฒนาศูนย์คมนาคมพหลโยธิน เพราะติดกับสถานีกลางบางซื่อ โดยส่วนหนึ่งเคยมีแผนจะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยของคนมีรายได้น้อย และคนที่ทำงานในการรถไฟฯ
ที่ดินบริเวณสถานีเชียงราก (ปทุมธานี) ขนาดพื้นที่ 18.05 ไร่ ปัจจุบันเป็นสถานีของเส้นทางรถไฟสายเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ รถไฟฟ้าสายสีแดง สำหรับคนที่ต้องการไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในอนาคตจะมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือด้วยเช่นกัน ที่ดินบริเวณสถานีธนบุรี ขนาดเนื้อที่ 23.00 ไร่ ขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ใหญ่พอสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งที่ดินแปลงนี้เคยมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์การแพทย์สมัยใหม่ เพราะอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลศิริราช จึงต้องการนักลงทุนเข้ามาต่อยอดการพัฒนารวมไปถึงการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ ขนาดพื้นที่ 75 ไร่ “เชียงใหม่” ถือเป็นแหล่งงาน แหล่งการศึกษาของคนภาคเหนือ และทั่วประเทศไทย สถาบันการศึกษาหลายแห่งได้รับความนิยมจากคนไทยและต่างชาติ รวมถึงการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน รูปแบบบ้านตัวอย่าง ห้องตัวอย่าง บ้านเพื่อคนไทย เป็นยังไง? นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่โครงการนำร่องในการพัฒนา 4 แห่ง รวมกว่า 5,800 หน่วย ประกอบด้วย พื้นที่บางซื่อ กม.11 พื้นที่สถานีเชียงใหม่ พื้นที่สถานีเชียงรากน้อย พื้นที่สถานีธนบุรี โดยจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ขนาด 8 ชั้น ประกอบด้วย ห้องพัก 30 – 51 ตารางเมตร หลังจากนั้นจะขยายโครงการเป็น 45 ชั้น เพื่อให้คุ้มค่าต่อการพัฒนาโครงการ และสามารถปรับราคาต่อห้องให้ถูกลงได้ อีกทั้งจะมีโครงการบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา ด้วย
ใครมีสิทธิซื้อบ้าน บ้านเพื่อคนไทยได้ เช็กคุณสมบัติผู้ซื้อสิทธิ คนได้รับสิทธิล่าสุด เป็นผู้มีสัญชาติไทย เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน เป็นผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท ไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย เงื่อนไขผู้ซื้อสิทธิ การซื้อบ้านเพื่อคนไทย ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณาให้สิทธิในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้ว และไม่ได้สิทธิ สามารถใช้สิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้ ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุ และปัจจัย หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิมีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาท ต่อเดือน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิโนโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด สงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขโดๆ ดังกล่าวข้างต้น เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน
ขั้นตอนแสดงเจตจำนง วิธีลงทะเบียนจองบ้านเพื่อคนไทย ขั้นตอนการแสดงเจตจำนง เมื่อประชาชนเข้าไปจองผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th หลังจากนั้นทาง ธอส.จะตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศผล Pre approve ผู้ที่สามารถยื่นเอกสารจองสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทยได้ พร้อมทั้งติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการจับสลากเพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทยต่อไป สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิตามวัน และเวลาที่ธนาคารกำหนด เพื่อจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ การติดต่อแสดงเจตจำนงตามขั้นตอนทั้งหมด ไม่ว่าประชาชนจะยื่นแสดงเจตจำนงผ่านช่องทางใดก็จะถูกรวบรวมข้อมูลไปยัง ธอส. หลังจากนั้นทาง ธอส.จะดำเนินการพิจารณาคุณสมบัติตามข้อกำหนด และติดต่อไปยังผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ดังนั้นทุกคนมีสิทธิในการยื่นแสดงเจตจำนงแต่การพิจารณาสิทธิจะเป็นไปตามข้อกำหนดของ ธอส.ด้วย
อีกทั้งเมื่อผ่านการพิจารณาคุณสมบัติแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการจับสลากเพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทยต่อไป โดยกระบวนการจับสลากปัจจุบันยังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อให้เกิดความรอบคอบ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ดังนั้นประชาชนที่สนเข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย ต้องยื่นแสดงเจตจำนงผ่านช่องทางที่กำหนด และยืนยันว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน เข้าระบบ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย กดรับสิทธิ ซื้อบ้าน ประกาศผลเดือนมีนาคม 2568 ผู้ได้รับสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทย ไทม์ไลน์โครงการบ้านเพื่อคนไทย ภายหลังเปิดให้ประชาชนยื่นแสดงเจตจำนงแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบสิทธิ และประกาศผลผู้ที่ได้รับสิทธิในการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าวภายใน 2 เดือนนับจากนี้ หรือราวเดือนมีนาคม 2568
หลังจากนั้นโครงการจะก่อสร้างทันทีเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยในราคาจับต้องได้ โดยนำร่อง 5,000 หน่วย จากเป้าหมายทั้งหมด 300,000 หน่วย อ้างอิง-ภาพ : พรรคเพื่อไทย , รัฐบาลไทย , ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจ , ธนาคารอาคารสงเคราะห์ , กระทรวงคมนาคม , กระทรวงการคลัง Ministry of Finance

คนตื่นพระ -พระพุทธ -พระธรรม-พระสงฆ์ วัฒนธรรมท้องถิ่นไทย

หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นายวุฒิ​ชัย​ ศุ​ภ​อรรถ​พา​นิช​ นายก​เทศมนตรี​เมือง​กำแพงเพชร​

วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นา...

งานประชาสัมพันธ์ ผลงาน ท่านหลวงพ่อพระมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ