งานประชาสัมพันธ์ วัฒนธรรมไทบ้านและผลงาน ด้วยสื่อ ออนไลน์ ยุคนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมี จุลสาร / วารสาร /นิตยสาร /หนังสือธรรมะ ตำนานธรรมะ หอจดหมายเหตุ แห่งธรรมะและ เรื่องเล่าที่แสนดี คนตื่นพระ ซึ่งประกอบ ด้วย งานวัด งานชุมชน งานพัฒนาโรงเรียน ของชุมชนและศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่น คนตื่น พระพุทธ -พระธรรม-พระสงฆ์ มาเล่าสิ่งดีๆสู่กันฟังครับ
จังหวัดอุดร เฟสที่ 1 ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน บริหารการจัดการ นิติบุคลโครงการโดย บริษัท อีเอส คอนสตรั่คชั่น ประเทศไทย จำกัด และบริษัทฝ่ายการบริหารการก่อสร้าง บริษัท อังกอร์ การโยธา จำกัด โดย ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี ประธานโครงการ กำลังศึกษาความเป็นไปได้โครงการ วันนี้
ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงและเตรียมพร้อมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ ดี และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขเป็นเรื่องสำคัญ สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้สูงอายุ ต้องเผชิญกับปัญหาในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน ทั้งในด้านความคิด ความเข้าใจและค่านิยม ต่างๆประกอบกับวัยสูงอายุเป็นวัยที่ต้องเผชิญกับรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพในด้านภูมิ ความรู้ ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สมควรส่งเสริมให้เป็นทรัพยากรที่เข้มแข็งและมีคุณค่าให้ยาวนานที่สุด โดยนำจุดแข็งนี้ มาสร้างโอกาสในการพัฒนาสังคม กิจกรรมที่เป็นประโยชน์นี้จะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีความสุขได้บริหารกาย จิต สังคม เป็นบุคคลที่พัฒนาไปตามกาลสมัยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงพึ่งตนเองได้และสามารถเป็นพลังให้การพึ่งพา แก่ชุมชนและสังคม ซึ่งปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้สูงอายุที่เป็นภูมิปัญญาและมีชมรมคลังปัญญาผู้สูงอายุ ซึ่ง ประกอบด้วยสมาชิกผู้สูงอายุ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีความรู้และมีจิตอาสาพร้อมจะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ขาดโอกาส ขาดพื้นที่ในสังคม ขาดงบประมาณ และช่องทางในการเผยแพร่ ภูมิ ปัญญา ทำให้สังคมเข้าไม่ถึงความรู้ที่มีคุณค่าในขณะที่ผู้เป็นภูมิปัญญาผู้สูงอายุต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บ้านเมือง เพื่อรับสนองพระราชดำริในองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในประเด็นรับสั่งเกี่ยวกับการนำ ศักยภาพ ภูมิปัญญาของผู้สูงอายุมาใช้เพื่อประโยชน์แก่สังคม กรมกิจการผู้สูงอายุ เล็งเห็นถึงความสำคัญของ ผู้สูงอายุจึงได้ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้แสดงศักยภาพ โดยการถ่ายทอดภูมิความรู้ ประสบการณ์ที่สั่ง สมแก่บุคคลอื่นเพื่อสืบสาน ภูมิปัญญาให้คงคุณค่าคู่กับชุมชน สานพลังผู้สูงอายุเพื่อคนทุกวัยจึงเป็นโครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับคนทุกวัยเป็น สัมพันธภาพที่ลึกซึ้ง คือสร้างความสุขใจแก่ผู้สูงอายุในการเป็นต้นแบบให้กับเด็ก เยาวชน โดยมีผู้สูงอายุให้ความรู้ที่ หลากหลายที่เอื้อประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนรู้และธำรงไว้ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชุมชน อันเป็นการสร้าง ความสุขและคุณค่าให้แก่ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังสนับสนุนให้ผู้สูงอายุร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมด้วยภูมิปัญญา ซึ่ง สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาเด็กเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และ เสริมสร้างให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน และได้รับการสนับสนุนการประกอบกิจการในกิจการของรัฐ ตาม นโยบายของภาครัฐ ประจำปี 2558
กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ออกหนังสือการสนับสนุน ที่ 4040/3149 และได้ทำหนังสือถึงสำนักงานการเคหะแห่งชาติ เลขที่ 4040/ 14323 เพื่อร่วมกันหาแนวทางการทำงานร่วมกันในการลงทุนในกิจการของรัฐภาคเอกชน พร้อมทั้งนี้กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้มอบคู่มือการวิธีการให้บริการ ตามนโยบายภาครัฐที่ได้มาตาฐานในการทำงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน พร้อมรายชื่อประชาชนที่มีความต้องการจะอยู่อาศัยในโครงการของภาครัฐ ที่ลงทะเบียนไว้กับ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการทางสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และ สำนักงานกิจการ ที่อยู่ในการดูแลของ กรมกิจการผู้สูงอายุ ของประเทศไทย เชิญประชุมร่วมกัน ตามเอกสารแนบท้ายมานี้
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ ได้มีที่พักอาศัย ที่ถูกลักษณะของที่พักอาศัยของคนสูงอายุ ในราคาที่เหมาะสมกับ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
2. เพื่อผู้สูงอายุได้แสดงศักยภาพ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างวัย และคนทุกวัยเห็นถึงคุณค่า ผู้สูงอายุ ได้เรียนรู้ ร่วมสืบสานคุณค่าที่ดีงามของสังคม พื้นที่ดำเนินงาน ขับเคลื่อนในพื้นที่ ศพอส.เป้าหมาย ผู้สูงอายุ และคนทุกวัยในพื้นที่เหมาะสม เกิดสังคมผู้สูงวัยที่ลงตัว
3.เพื่อเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ให้กับผู้อายุ ได้เลือกสรร มาสร้างสังคมใหม่ ที่ตัวเองสร้างสรรค์ได้ตลอดจน ได้รับการบริการที่ครบวงจร ในการอยู่อาศัยที่เหมาะสมและลงตัว
4.ผู้สูงอายุได้ร่วมกิจกรรมที่เป็น สังคมที่วางตัวบุคลกรที่ดูแล ทั้งสุขภาพและความปลอดภัย คอยดูแลแบบครบวงจร
โครงการบ้านจัดสรร กำนัน สุรสีห์ ศรีอินทร์สุทธ์ ขุนศรีวิลล์ เฟส 1
เพื่อผู้สูงอายุเพื่อคนวางแผนการอยู่อาศัยวัยเกษียณใช้ นโยบาย การบริการ
จังหวัดขอนแก่น ได้กำหนดจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2565 ขึ้น ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2565
จังหวัดขอนแก่น ได้กำหนดจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2565 ขึ้น ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรม วิธีการดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของ ชาวขอนแก่น โดยนำเสนอผ่านเรือนไม้โบราณจาก 26 อำเภอ สร้างความสมานฉันท์ควบคู่กันไปกับการนำเสนอการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) อันเป็นจุดเด่นที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น โดยจังหวัดได้เชิญกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีพื้นฐานทางทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมที่มีความคล้ายคลึงกัน โดยนำกิจกรรมที่หลากหลายเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
สำหรับพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถานที่สําคัญของจังหวัดขอนเเก่น จำนวน 6 จุด ประจำปี 2565 กำหนดจัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ประกอบด้วย
จุดที่ 1 องค์พระธาตุขามเเก่น วัดเจติยภูมิ ตําบลบ้านขาม อําเภอนําพอง เวลา 08.39 น. ประธานในพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนเเก่น (นายไกรสร กองฉลาด)
จุดที่ 2 ศาลหลักเมืองขอนเเก่น ถนนศรีจันทร์ ตําบลในเมือง อําเภอเมืองขอนเเก่น เวลา 08.39 น. ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนเเก่น (นายสุเทพ มณีโชติ)
จุดที่ 3 พระบรมราชชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนเเก่น เวลา 09.09 น. ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนเเก่น (นายพันธ์เทพ เสาโกศล)
จุดที่ 4 อนุค์พระธาตุศิโรดมขอนเเก่น บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนเเก่น เวลา 08.39 น. ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนเเก่น (นางสาวธนียา นัยพินิจ)
จุดที่5 อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ ถนนริมบึงเเก่นนคร ตําบลในเมือง อําเภอเมืองขอนเเก่น เวลา 08.39 น. ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนเเก่น (นายชาญชัย ศรศรีวิชัย)
จุดที่ 6 ศาลเทพารักษ์ (โรงช้าง) บริเวณประตูด้านทิศตะวันออก ศาลากลางจังหวัดขอนเเก่น เวลา 08.38 น. ประธานในพิธี ปลัดจังหวัดขอนเเก่น (นายศุภชัย ลีเขาสูง)
กิจกรรมที่สำคัญก่อนการเปิดงานอีกกิจกรรมหนึ่งก็คือการรําบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กำหนดจัดในวันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เวลา 16.00 น. ณ บริเวณศาลหลักเมืองขอนเเก่น
สำหรับ 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองขอนเเก่น ประกอบด้วย
1 ) พระพุทธอภัยมงคลสมังคี
2 ) พระพุทธพระลับ
3 ) พระธาตุขามเเก่น องค์จําลอง
4 ) เจ้าพ่อมอดินเเดง
5 ) ศาลหลักเมืองขอนเเก่น
6 ) พระนครศรีบริรักษ์
7 ) เจ้าพ่อมเหศักดิ์
8 ) พระพุทธมหาจักรเเก่นนคร วัดหนองเเวง พระอารามหลวง
9 ) หลวงพ่อใหญ่ วัดกลางขอนเเก่น
10 ) พระพุทธรังสิโยภาสสุขพิพัฒน์ จากวัดป่าเเสงอรุณ
โดยจะมีนางรําจาก 26 อําเภอ ของจังหวัดขอนแก่น ประมาณ 20,000 คน มาร่วมพิธีรําบวงสรวง
งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาด ขอนแก่น
งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาด
ขอนแก่น ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ และ “แคนแก่นคูน” คือ ลายผ้าไหมประจำจังหวัดที่แสดงอัตลักษณ์เมืองขอนแก่น
ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ของจังหวัดขอนแก่นนั้นได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 จังหวัดขอนแก่น ได้รับการรับรองจากสภาหัตถกรรมโลก World Craft Council (WCC)-UNESCO ให้เป็น “เมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่“
อีกหนึ่งประเพณีเก่าแก่คือ ประเพณีผูกเสี่ยว เป็นประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มวัฒนธรรมไท–ลาว โดยคำว่า “เสี่ยว“นั้น ในภาษาอีสานมีความหมายว่า “เพื่อนรัก หรือ เพื่อนตาย” ซึ่งการผูกเสี่ยว คือ การสัญญาที่จะเป็นเพื่อนรักร่วมเป็นร่วมตายกัน โดยใช้ฝ้ายมงคลผูกข้อมือของแต่ละคนเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ทั้งคู่
เพื่อการสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่นจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นำเอาประเพณีผูกเสี่ยวและงานไหมมาจัดร่วมกันจนเกิดเป็น “งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2562” ซึ่งงานนี้ได้จัดมาเป็นเวลานานกว่า 41 ปีแล้ว
ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น ขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ซึ่งประดับตกแต่งขบวนโดยเน้นถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่น การจัดพิธีผูกเสี่ยวและคุ้มศิลปวัฒนธรรม รวมถึงการจัดประกวดนางงามไหมขอนแก่น มีการแสดงนวัตกรรมด้านวิชาการที่เกี่ยวกับไหม และพิเศษสุดกับการประกาศลายผ้าไหมประจำจังหวัดขอนแก่น คือ ลาย “แคนแก่นคูน” ที่ได้รวบรวมลายผ้าทั้งหมด 7 ลายเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ ลายแคน หมายถึง สัญลักษณ์แทนความเจริญและสนุกสนาน, ลายดอกคูณ หมายถึง ดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น, ลายพานบายศรี หมายถึง มิตรภาพ ประเพณีการผูกเสี่ยว, ลายขอ หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของขอนแก่น, ลายโคม หมายถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรมของชาวขอนแก่น, ลายกง หมายถึง อาณาเขตที่ได้รับการรักษาให้มั่นคง ปลอดภัย และลายหมากจับ หมายถึง ความรัก ความสามัคคี ของชาวขอนแก่น
New Culture of Thailand
New Culture of Thailand คือ สารจากท้องถิ่น
เทคนิคการเขียนข่าว
Tuesday, July 30, 2013 - 12:14
องค์ประกอบของข่าว
การเขียนข่าวสารที่จะประชาสัมพันธ์ หรือสารที่จะสื่อออกไปยังสื่อมวลชน ควรมีสาระสำคัญหรือองค์ประกอบ ที่เรียกว่า "5 W 1 H ” ดังต่อไปนี้
ใคร (Who) ใครคือบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข่าว
ทำอะไร (What) เกิดอะไรขึ้น การกระทำหรือเหตุการณ์ใดที่สำคัญ
ที่ไหน (Where) การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นที่ไหน
เมื่อไร (When) การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นวัน เวลาใด
ทำไมและอย่างไร ( Why and How) ทำไมเหตุการณ์นั้นจึงเกิด และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ข้อมูลประกอบอื่นๆ เช่น ความเป็นมา
ขั้นตอนในการเขียนข่าว
การเขียนข่าว ผู้เขียนควรปฎิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
หาข้อมูล โดยการค้นคว้า รวบรวมข้อมูล และสัมภาษณ์
วางแผนการเขียน ศึกษากลุ่มเป้าหมายและนโยบายของสื่อที่จะส่งเผยแพร่
ร่างเนื้อหา รูปแบบ ภาษา ทบทวน
ประเมินผล โดยการอ่านทบทวนด้วยตนเอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยอ่าน องค์ประกอบการเขียนข่าว การเขียนข่าวหนังสือพิมพ์ ต้องบอกสิ่งสำคัญที่สุดก่อน แล้วจึงบอกสิ่งสำคัญรองลงมา
การเขียนข่าวมีองค์ประกอบสำคัญเรียงลำดับ ดังต่อไปนี้
พาดหัวข่าว (headline) เป็นการบอกประเด็นสำคัญของข่าว มักใช้ประโยคที่เป็นข้อความสั้นๆ เพื่อช่วยให้รู้ว่าเป็นข่าวอะไร และมีประเด็นใดน่าสนใจ วิธีการพาดหัวข่าวให้พิจารณาความสำคัญของข่าวนั้นๆ ว่าใคร ทำอะไร เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร และทำไมจึงทำเช่นนั้น ตัวอย่างการเขียนพาดหัวข่าว 1.1 แบบ Who นำ เช่น "นายกรัฐมนตรีประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่ ศอ.บต.” "แฝดสยามเพศหญิงเสียชีวิตแล้ว” "กกต.ยืนกรานห้ามจดใหม่ พรรคถูกยุบ” 1.2 แบบ What นำ เช่น "เกิดเพลิงไหม้ที่ย่านชุมชนกลางตลาด” ซึ่งส่วนใหญ่ความสำคัญของข่าวอยู่ที่ การกระทำและผลกระทบ 1.3 แบบ When นำ เช่น "31 พ.ค.ชี้ชะตายุบพรรค” ซึ่งข่าวนี้ความสำคัญอยู่ที่เงื่อนไขของเวลา 1.4 แบบ Where นำ เช่น "เชียงใหม่กลายเป็นเมืองในหมอกจากไฟป่า” ซึ่งคุณค่าของข่าวอยู่ที่สถานที่ 1.5 แบบ Why นำ เช่น "เร่งหาสาเหตุหนุ่มคลั่งยิงกราด 3 ศพ กลางตลาดไท” ความสำคัญของข่าวอยู่ที่การตั้งข้อสังเกต เพื่อเพิ่มความอยากรู้ อยากเห็น 1.6 แบบ How นำ เช่น "อยากได้มือถือรุ่นใหม่ วัยรุ่นหาเงินด้วยการขายตัว” ความสำคัญของข่าวอยู่ที่ความเป็นเหตุเป็นผล
วรรคนำ เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง คือต้องตอบสนองความสนใจของผู้อ่านว่า Who What When Where Why เขียนด้วยประโยคสรุปเรื่องหรือสรุปประเด็นสำคัญและกระชับ เพื่อขยายพาดหัวข่าว มีความยาวประมาณ 3-6 ประโยค เช่น "สดศรียืนกรานพรรคถูกยุบจดชื่อเดิมไม่ได้ ทนายบอก แม้วพร้อมแก้ปัญหา หาก ทรท.ถูกยุบ ด้านประธาน คมช.ติวเข้มตำรวจ-ทหาร สั่งห้ามใช้อาวุธรับมือม๊อบ”
ส่วนเชื่อม เป็นตัวเชื่อมระหว่างวรรคนำกับเนื้อข่าว ส่วนใหญ่เป็นข้อความที่ขยายประเด็นของเรื่อง จะมีหรือไม่มีก็ได้ มักใช้กับข่าวใหญ่ เช่น "ทั้งนี้เป็นการประชุมลับ ห้ามไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องประชุมศาลฎีกา”
เนื้อข่าว เป็นการบอกเรื่องที่เหลือจากที่บอกไว้แล้วในวรรคนำ เป็นข้อเท็จจริงที่สนับสนุนหรือขยายความ หรือช่วยให้วรรคนำได้ใจความชัดเจนขึ้น เป็นเรื่องราวทั้งหมดของข่าวที่ตอบคำถาม 5 W และ 1 H มี 2-5 ย่อหน้าตามความเหมาะสม โดยย่อหน้าแรกๆ เป็นรายละเอียดตามวรรคนำ ย่อหน้าสอง อ้างคำพูดผู้ให้สัมภาษณ์ หรือผู้บริหาร เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ย่อหน้าสุดท้าย เสริมข้อมูลเฉพาะที่จำเป็น เช่น "รายงานข่าวแจ้งว่า……………….” นอกจากนี้ตัวอย่างการนำคำพูดมาใช้ในเนื้อข่าว เช่น "ผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน เขาหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน” พันเอกอัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก กล่าว หรือ ประโยคอ้อม "พันเอกอัคร ทิพโรจน์ กล่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน และหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน” หรือประโยคตรง พันเอกอัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า "ผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน เขาหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน”
ทิ้งท้ายข่าว เป็นการสรุปประเด็นเพื่อดึงดูดความสนใจ ตอกย้ำจุดหมาย ส่วนใหญ่มี ความยาวประมาณ 4-6 ประโยค เช่น "เชิญร่วมกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และร่วมกันทำความดีถวายในหลวงด้วยการงดสูบบุหรี่”
รูปแบบการเขียนข่าว
โดยทั่วไปการเขียนข่าวจะมีเพียง 3 ส่วนเท่านั้น ได้แก่ พาดหัวข่าวหรือโปรยหัวข่าว (headline) วรรคนำ เป็นการสรุปเรื่องราว (lead) เนื้อข่าว เป็นรายละเอียดของเหตุการณ์และเรื่องราว (detail) นอกจากนี้รูปแบบการเขียนข่าวทั่วๆ ไป ไม่ว่าข่าวหนังสือพิมพ์ หรือข่าววิทยุโทรทัศน์ มี 3 รูปแบบ ได้แก่ ปีรามิดหัวกลับ ปีรามิดหัวตั้ง และสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยืนแบบผสม ซึ่งใช้ในรูปแบบของข่าวที่แตกต่างกันดังนี้
แบบปิรามิดหัวกลับ (inverted pyramid) เป็นการนำเสนอข่าวโดยลำดับประเด็นสำคัญจากมากไปหาน้อย ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ในการอยากรู้อยากเห็นสิ่งสำคัญก่อน ส่วนรายละเอียดไว้ทีหลัง ประกอบด้วย ข่าวพาดหัว วรรคนำ ส่วนเชื่อม และส่วนของเนื้อเรื่อง เรียงตามลำดับความสำคัญ เป็นการเขียนข่าว โดยเริ่มด้วยความนำที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง และส่วนเชื่อมที่โยงความสัมพันธ์ระหว่างความนำกับเนื้อหา ที่มีความสำคัญรองลงมา ส่วนเนื้อหา จะเป็นส่วนประกอบที่ให้รายละเอียดของเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แบบปิระมิดหัวตั้ง (upright pyramid) จะเรียงลำดับข้อมูลที่มีความสำคัญน้อยไปหามากที่สุด (climax) เพื่อให้ผู้อ่านมีความอยากรู้ เริ่มจากประเด็นที่ไม่มีความสำคัญมากนัก แล้วค่อยๆ เพิ่มประเด็นที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงประเด็นสำคัญที่สุด มักจะใช้ในเรื่องที่มีเงื่อนงำ เชิงสืบสวน สอบสวน ปัจจุบันไม่นิยมใช้
แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยืนแบบผสม (combination) มักใช้เขียนข่าวที่ไม่ค่อยสำคัญ เป็นข่าวสั้นๆ เริ่มจากส่วนเชื่อม หรือจากเนื้อเรื่องข่าว หลังจากพาดหัวข่าวแล้ว ไม่มีความนำ ความสำคัญของข่าวเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบเนื้อเรื่องของข่าว มักจะเขียนแบบเสนอข้อเท็จจริง
whcofmxm
คำสำคัญ : tags:
การเขียนข่าว
องค์ประกอบของข่าว
New Culture of Thailand วิธีการศึกษาคือ ศึกษาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชั้นนำ
รุจน์ โกมลบุตร และคณะ
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คำสำคัญ: การวิเคราะห์เนื้อหา, นักการเมืองท้องถิ่น, หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น, ลำปาง
บทคัดย่อ
บทความเรื่อง “การนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปาง” เป็นผลมาจากการศึกษาในหัวข้อเดียวกัน มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อฉบับต่างๆ ของลำปางว่ามีการนำเสนอเป็นอย่างไร การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ และใช้แนวคิดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และจริยธรรมของสื่อมวลชน
วิธีการศึกษาคือ ศึกษาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชั้นนำ 4 ชื่อฉบับในจังหวัดลำปาง ได้แก่ ฅนเมืองเหนือ (รายสัปดาห์ เน้นข่าวอาชญากรรม) แมงมุม (รายสัปดาห์ เน้นข่าวอาชญากรรม) ลานนาโพสต์ (รายสัปดาห์ เน้นข่าวเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และอาชญากรรม) และ ลำปางนิวส์ (รายปักษ์ เน้น ข่าวอาชญากรรม) ออกจำหน่ายระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560 รวม 6 เดือน ทั้งนี้จะพิจารณาข่าว บทความ และภาพข่าวที่ปรากฏในทุกหน้าว่า มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นในปริมาณเท่าใด รูปแบบใด และมีเนื้อหาประเภทใด โดยมีหน่วยเป็นชิ้นและตารางนิ้ว
การศึกษาพบว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอเนื้อหานักการเมืองท้องถิ่นคิดเป็นร้อยละ 4.80 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยนำเสนอในรูปแบบ “ภาพ” มากที่สุด ตามด้วย “ข่าว” และ “บทความ” น้อยที่สุด รวมทั้งนำเสนอเนื้อหา “ประเภทงานของสำนักงาน” มากที่สุด รองลงมาคือ “เรื่องส่วนตัวของนักการเมือง” และประเภท “ปัญหาสำนักงาน” น้อยที่สุด
หนังสือพิมพ์ ลานนาโพสต์ มีสัดส่วนของพื้นที่การนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับ นักการเมืองเปรียบเทียบกับเนื้อหาอื่นๆ มากที่สุด มีพื้นที่นำเสนอในรูปแบบข่าวมากที่สุด มีพื้นที่การนำเสนอที่หน้า 1 มากที่สุด ทั้งนี้เป็นผลมาจากนโยบายของลานนาโพสต์ ที่ไม่ได้เน้นข่าวอาชญากรรมอย่างเดียวเหมือนหนังสือพิมพ์ชื่อฉบับอื่นๆ
กิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง เป็นนักการเมืองที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอมากที่สุด เป็นแหล่งข่าวที่ปรากฏในเนื้อหา “ประเภทงานของสำนักงาน” และ “ปัญหาของสำนักงาน” มากที่สุด ขณะที่ ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอมากเป็นอันดับสอง โดยปรากฏในเนื้อหา “ประเภทเรื่องส่วนตัว” มากที่สุด
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยคือ สื่อท้องถิ่นควรเพิ่มสัดส่วนการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพิ่มความสมดุลของเนื้อหาทั้งสามประเภทให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม “ประเภทปัญหาของสำนักงาน” เพื่อช่วยตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองแทนประชาชน และกระจายการนำเสนอชื่อและบทบาทของนักการเมืองให้หลากหลาย เพื่อนำเสนอให้เป็นข้อมูลทางเลือกแก่ประชาชน
เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ทำบุญชำฮะ ซำฮะ หมายความว่า ชำระ หรือล้าง เป็นการทำบุญเพื่อชำระล้างสิ่งอัปมงคลให้ออกจากหมู่บ้าน เพื่อชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข พ้นจากภัยต่าง ๆ
D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ
บริษัท ฯ กลุ่มนักลงทุนและ คณะบริหารการวิจัย D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน นำโดย ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี ความสำคัญ ของโครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ หรือ นโยบายของรัฐ ภาคเอกชน วันนี้เป็นวันดีนะครับเป็นวันสิ้นปีของรอบวันเกิด ของผู้เขียน และเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันนี้เป็นวันดีที่ได้กำหนดแผนงานว่าจะต้องเขียนแผนธุรกิจขึ้นมาเพื่อ เสริมสร้าง ให้องค์กรมีแนวคิดต่อยอดจากความคิดของเรา และ การลงมือ ทำงานหรือการลงทุนในการทำธุรกิจ การที่เรามีแผนกำหนดเป้าหมายเอาไว้นั้นเราจะต้องมีระเบียบและวิธีการในการ จัดการในการทำงานจะต้องสร้าง โครงสร้างของธุรกิจขึ้นมา ในการสร้างโครงสร้างธุรกิจขึ้นมานั้น เขาต้อง ใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่ใน องค์ความรู้ของเราที่เรามีประสบการณ์การทำงานเรามีประสบการณ์ การใช้ความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการบริหารมีประสบการณ์ในการประกอบการในหน้าที่ตลอดจนเราได้ ดำเนินธุรกิจ ไป ดำเนินการธุรกิจตาม planning ที่เรากำหนดไว้นั้นจนสำเร็จลุล่วง แล้วเสร็จและมีกำไร เราก็ประเมินผลจากการทำงานที่ผ่านมาในประสบการณ์ เมื่อเราเห็นผลงานประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราเองนั้น สำเร็จผลเราก็ เผยแพร่ความรู้ของเราที่มีอยู่ ให้กับ พนักงานเพื่อพัฒนาองค์กรหรือคนที่เข้ามาเรียนรู้กับเราเราจะได้เผยแพร่ให้กับลูกศิษย์ของเรา ถึงขั้นตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน จังกับผมเองในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความ ชำนาญเป็นผู้ทรงมนุษย์ทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนเกิด Training ธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มาในระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้เขียนโครงการ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลซึ่งเรียกว่าโครงการ senior complex ประชารัฐภาคเอกชนสิ่งใดประสานงานกับทางท่านอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุท่าน ดร.สมคิดสมศรี ในอดีตจน ประสานงานกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมเป็นโครงการประชารัฐ ในสมัย รัฐบาลของท่านประยุทธ์ ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคม และผู้สูงวัย เตรียมแผนต้อนรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยในการแก้ปัญหา ระดับชาติ จนทำให้ แพนนิ่งธุรกิจของผมที่เขียนขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของ กรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นที่ยอมรับของหน่วยงานราชการ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ทั้งสถาบันการเงิน ในประเทศไทย ในภาครัฐที่ ให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ ธนาคาร ออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคาร แห่งชาติ และสถาบันการเงินต่างประเทศอีกหลายสถาบัน ที่ให้การสนับสนุนโครงการ ดร.สมัย แหมมั่น ในอดีต จนปัจจุบันนี้ ในระยะเวลาที่ การจัดทำโครงการเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการนโยบายของภาครัฐนั้น ใช้ระยะเวลาในการทำโครงการก็ หลายปี เขียนโครงการมาหลายปีจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจน เกิดการ สนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐและออกหนังสือ ให้การสนับสนุนโครงการเป็นรูปประธรรม โดยโครงการ senior คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ของ ดร.สมัย เหนมั่น นั้น ได้รับการสนับสนุนจากกรมกิจการผู้สูงอายุ โดยใช้นโยบายของรัฐบาล ในการจัดทำโครงการ เป็นนโยบายประชารัฐ วางแผนการอยู่อาศัย หลังวัยเกษียณของผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะวางแผน การอยู่อาศัยใน วัยเกษียณหลังจากการทำงาน ไปแล้ว โครงการได้รับการอนุมัติ ในการสนับสนุนให้สนับสนุนสินเชื่อโครงการสำหรับ การดูแลผู้สูงวัย ด้วยการ ดูแลสุขภาพของผู้สูงวัยกันโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพ สำหรับภาคเอกชนที่มีความประสงค์ จะขอสินเชื่อเพื่อทำโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน รัฐบาลก็จัดงบประมาณจัดนโยบาย ในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการสิ่งใดของเด็กซึ่งเป็นเหตุการณ์ของรัฐ ไว้ให้บริการตามความเหมาะสมความจำเป็นของการขอสินเชื่อโครงการดังกล่าว โดยอนุมัติ ให้โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สามารถที่จะกู้เงิน จาก ธนาคารของภาครัฐ ในการจัดทำโครงการได้เหมือนกับโครงการธุรกิจอสังหา หรือโครงการใน SME ทั่วๆไป ก็สามารถกู้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำโครงการได้ ถือว่าเป็นนโยบายหลักที่มีความ สำคัญและเป็นหัวใจในการขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่รัฐสนับสนุน เรือ่งนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมการลงทุน ของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ทำธุรกิจประกอบการในส่วนที่เป็นกิจการของรัฐในภาคเอกชนบรรลุเป้าหมาย ในส่วนของโครงการ ประชารัฐภาคเอกชนของท่านดอกเตอร์ สมัย ได้พัฒนาอาการรูปแบบการจัดทำการตลอดจนแบบแปลนตลอดจนแผนนิ่งงานเพื่อ พัฒนาโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน เป็นโครงการระดับชาติ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานของภาครัฐ ในการขอทุนเพื่อทำการตลอดจนภาคเอกชน ขอทุนเพื่อทำโครงการ ชนบทนี้ปี 2561 มีความสนใจ เข้าดูงานเข้าดู แผนธุรกิจแผนการบริหาร ของ ดร ชัยณัฎฐ์ แสงมณี ได้จัดทำสำนักงานเพื่อเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างไทยต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการลงทุนและก็ศูนย์สัมมนา เพื่อที่จะให้หน่วยงานราชการหน่วยงานท้องถิ่น ได้เข้าชมและรับฟังการบรรยายให้ความรู้ในการวางแผนเพื่อการอยู่อาศัยของวัยเกษียณตลอดจน ความจำเป็นในการ จะดำรงชีวิตหรือการวางแผนชีวิตในวัยเกษียณว่ามีวิธีการจัดการกับชีวิตของตนเอง ที่ดีอย่างไร ให้กัผู้สนใจและเพยแพร่ความรู้ให้กับนักศึกษา และประชาชนและข้าราชการหน่วยงานต่างๆเพื่อลดปัญหาในการ อยู่อาศัยของผู้สูงวัยในอนาคตที่จะมา ถึงและวันเวลาของแต่ละท่านได้เข้าอยู่อาศัย ในโครงการลักษณะดังกล่าวซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ตลอดจน เตรียมการในการก่อสร้าง โครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของ พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนที่มีความต้องการอยากจะเข้าอยู่อาศัย โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสมบูรณ์มีความเป็นบูรณาการ ที่สามารถสัมผัสได้จริงของประชาชนคนไทยตั้งแต่ 1 คือราคาไม่แพง 2 มีองค์ประกอบครบครันสามารถที่จะฝากชีวิตในบั้นปลาย 3 ตลอดจนการดูแลสุขภาพส่งเสริมสุขภาพที่ดี 4 ตลอดจน การวางแผนที่จะอยู่ใน ชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สามารถที่จะ ดำรงชีวิตอยู่ได้ในโครงการ ที่มีการดูแลด้วยระบบ Smart City ตลอดจน health care ที่ทันสมัย และ เทคนิคการชะลอวัยจราจร การวางแผนด้านอาหาร ในการบริโภค สำหรับผู้สูงวัย และ ที่พักอาศัยอันเหมาะสมสามารถที่จะเข้าอยู่ได้จริงสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ในการอยู่ อาศัยในโครงการ วันนี้ธนาคาร สถาบันการเงินจากต่างประเทศให้การสนับสนุน ด้วยการรับรองโครงการ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินไฟแนนซ์จากประเทศอังกฤษ และ ไฟแนนซ์จากดูไบให้การรับรองวงการว่าเป็นโครงการที่มีความเหมาะสมต่อมนุษย์ กับธนาคารในประเทศไทยซึ่งเป็นสถาบันการเงิน แห่งชาติ คือสถาบันการเงินธนาคาร UOBแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนโครงการเพื่อการจัดทำ startup เป็นแผงสตาร์ทอัพธุรกิจที่จะ ผลักดันให้โครงการเปิดลุล่วงไปดีๆ Step แรกพัฒนาธุรกิจโดยการสร้างโครงสร้างของธุรกิจตัวอย่างขึ้นมา แล้วก็ว่าประชาสัมพันธ์ โครงการสิริกิตให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบรับรู้และก็สร้างโครงการตัวอย่างขึ้นมา ด้วยงบประมาณ ระยะแรกจำนวน 200 ล้านบาท ในระยะที่ 2 เพื่อสนับสนุนโครงการในการจัดทำและบริหารการก่อสร้างโครงการ ผลักดันงบประมาณในการก่อสร้างโครงการ 1 โครงการจำนวน 500 ล้านบาท และใน งบประมาณการจัดทำโครงการเพื่อขยายโครงการออกไปในแต่ละจังหวัด ที่วางแผนเอาไว้นั้นงบประมาณ ที่เหมาะสม ในการพัฒนาโครงการ จำนวน 5,000 ล้านบาท อันนี้ ก็เป็นระยะแรกที่ สถาบันการเงินดังกล่าวให้การสนับสนุน โดยการวางแผน เพื่อที่จะรองรับ ผู้ที่มีความสนใจในโครงการ คาดว่าสามารถที่จะเข้าอยู่ภายในปี 25 68 โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ภายในปี 2566 ปลายปีนี้ก็เป็นช่วงที่ตาเตรียมการในการพัฒนา และ สรรหา พื้นที่การจัดทำโครงการตลอดจนบุคลากรเข้าร่วม การทำ Start Up ธุรกิจ อันนี้ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ของดอกเตอร์ชยณัฐแสงมณี ได้ให้ข้อมูลไว้ ในวันนี้ปี 2566 เดือน 12 เนื้อหารายงานจาก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สำนักงาน ศูนย์ประสานงาน เขตดอนเมือง ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี 30 /12/2566
ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีที่ประชาชนนำมาปฏิบัติประจำเดือน ทั้ง ๑๒ เดือนในรอบปีเป็นประเพณีการทำบุญประจำเดือนที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา การนับเดือนเป็นแบบจันทรคติ คือ เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ เดือนสิบเอ็ด และเดือนสิบสอง ตามปกติเดือนอ้ายซึ่งเป็นเดือนแรกของปีจะเริ่มประมาณปลายเดือนธันวาคม ชาวอำนาจเจริญ ถือว่าการประกอบพิธีกรรมตามฮีตสิบสองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าพิธีกรรม ดังกล่าวเกี่ยวเนื่องทั้งพุทธศาสนาและภูตผีวิญญาณ ตั้งแต่ได้รับการยกฐานะให้เป็นจังหวัดอำนาจเจริญ ทางราชการและประชาชนได้พยายามส่งเสริมพิธีกรรมฮีตสิบสอง ให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอำนาจเจริญ โดยจัดงานฮีตสิบสองและงานกาชาด ให้เป็นงานประจำปี ซึ่งจัดงานในวันที่ ๑-๑๐ ธันวาคม ของทุกปี
พิธีกรรมตามฮีตสิบสอง ที่ชาวอำนาจเจริญปฏิบัติสืบเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน มีดังนี้
ฮีตที่ ๑. เดือนอ้าย บุญเข้ากรรม
ฮีตที่ ๒. เดือนยี่ บุญคูนลาน
ฮีตที่ ๓. เดือนสาม บุญข้าวจี่
ฮีตที่ ๔. เดือนสี่ บุญผะเหวด
ฮีตที่ ๕. เดือนห้า บุญสงกรานต์
ฮีตที่ ๖. เดือนหก บุญบั้งไฟ
ฮีตที่ ๗. เดือนเจ็ด บุญซำฮะ
ฮีตที่ ๘. เดือนแปด บุญเข้าพรรษา
ฮีตที่ ๙. เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน
ฮีตที่ ๑๐. เดือนสิบ บุญข้าวสาก
ฮีตที่ ๑๑. เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา
ฮีตที่ ๑๒. เดือนสิบสอง บุญกฐิน และงานลอยกระทง
เดือนอ้าย บุญเข้ากรรม เป็นพิธีกรรมที่พระภิกษุหาทางออกจากอาบัติ พระภิกษุเป็น ผู้ประกอบพิธี พระภิกษุจะเข้าอยู่ในเขตจำกัด แล้วรักษากายและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งถือว่า "เข้ากรรม” เป็นการทดแทนคุณมารดา เพราะว่าเมื่อมารดาชาวอีสานคลอดบุตรต้องอยู่กรรม หรืออยู่ไฟ บางท้องถิ่นเรียกการเข้ากรรมว่า "การเข้าปริวาสกรรม” ใช้เวลาทั้งสิ้น ๙ คืน ปัจจุบันการทำบุญเข้ากรรม จะนิยมทำที่วัด โดยจะมีการกำหนดวันทำบุญเข้ากรรม ตามความพร้อมของแต่ละท้องที่
เดือนยี่ บุญคูนลาน หลังจากนวดข้าวเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะกองเมล็ดข้าวไว้ในลานนวดข้าว เป็นรูปกรวยคว่ำ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "กุ้มข้าว” ก่อนจะนำข้าวขึ้นเก็บไว้ในยุ้งฉาง ชาวบ้านจะทำบุญขวัญข้าว โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ในตอนเย็นและถวายภัตตาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เลี้ยงอาหารเพื่อนบ้านที่ไปร่วมพิธี ต่อจากนั้นจึงนำน้ำมนต์ไปพรมกองข้าวและ ที่นา เพื่อให้เจ้าของนาจะได้อยู่อย่างเป็นสุข ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ปีต่อไปข้าวกล้านาจะงอกงามและได้ผลดี ต่อจากนั้นจึงขนข้าวใส่ยุ้งฉาง เจ้าของนา บางคนอาจจะประกอบพิธีสู่ขวัญเล้า หรือยุ้งข้าวเพิ่มขึ้นอีก บางครั้งไม่สามารถทำบุญคูณลานได้เพราะว่าสภาพเศรษฐกิจของครอบครัวไม่ดี
เดือนสาม บุญข้าวจี่ ตรงกับช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา ชาวบ้าน นำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วมาปั้นเป็นก้อน ให้มีขนาดประมาณไข่เป็ดฟองใหญ่ ทาเกลือแล้วเอาไม้เสียบอย่างไฟพลิกกลับไปมาจนผิวข้าวจี่กลายเป็นสีเหลือง ชาวบ้านต่างพากันนำข้าวจี่ไปวัด หลังจากที่พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์แล้วต่อจากนั้นจึงตักบาตรด้วยข้าวจี่ กล่าวคำถวายข้าวจี่ แล้วนำข้าวจี่ถวายพระพร้อมกับอาหารอื่น ปัจจุบันได้รวมบุญมาฆบูชาไว้ในบุญข้าวจี่ด้วย
เดือนสี่ บุญผะเหวด หรือบุญมหาชาติ การทำบุญผะเหวดเป็นการประสานความร่วมมือกับหมู่บ้านจากหมู่บ้านอื่นมาร่วมงานด้วย กิจกรรมหลักของบุญผะเหวด คือ การนิมนต์พระอุปคุตมาประดิษฐานที่หอพระอุปคุตในตอนเช้า ตอนบ่ายมีพิธีอัญเชิญแห่พระเวสสันดร และพระนางมัทรีเข้าวัด ช่วงค่ำพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ กลางคืนเทศน์เรื่อง พระมาลัยหมื่นพระมาลัยแสน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระมาลัยไปเยี่ยมนรก ต่อจากนั้นจึงเทศน์สังกาศ วันที่สองจะมีเทศน์มหาชาติตลอดวัน เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาว่าการเทศน์มหาชาตินั้นจะต้องเทศน์ให้จบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ภายในวันเดียว จึงจะได้อานิสงส์มาก บางท้องถิ่นจะมีการแห่ข้าวพันก้อน ก่อนฟังเทศน์มหาชาติ ในวันที่สอง ซึ่งจะ มีการทำพิธีแห่ข้าวพันก้อน ตั้งแต่เวลา ๐๓.๐๐ น. โดยชาวบ้านจะมีผู้นำทำพิธีแต่งชุดขาว แห่ข้าวไปตามซุ้มธงทิว จำนวน ๘ ทิศ รอบโบสถ์ โดยเดินเวียนทั้งหมด ๓ รอบ
เดือนห้า บุญสงกรานต์ เป็นทำบุญเฉลิมฉลองปีใหม่ตามคติโบราณ ซึ่งจัดให้มีพร้อมกันทั่วประเทศ โดยทำบุญสงกรานต์ในวันที่ ๑๓-๑๔ เมษายน กิจกรรมหลักของบุญสงกรานต์ คือการสรงน้ำพระพุทธรูปที่วัด สรงน้ำคนเฒ่าคนแก่ หนุ่มสาวเล่นสาดน้ำกัน (หรือนิยมเรียกว่า "ไปเนา”) ขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทราย บูชาพระเจดีย์ทราย และแห่ข้าวพันก้อน ในเมืองจะทำบุญสงกรานต์เพียง ๓ วัน คือวันที่ ๑๓ – ๑๕ เมษายน ส่วนในชนบทจะสรงน้ำพระพุทธรูปต่อไปอีกจนถึงวันเพ็ญเดือน ๖ จึงเสร็จสิ้นพิธีสงกรานต์ และก่อนที่พิธีสงกรานต์จะสิ้นลง ชาวบ้านจะทำพิธีแห่ดอกไม้รอบบ้าน ก่อพระเจดีย์ทรายไว้ตามทางสามแพร่งรอบหมู่บ้าน ไปรวมกัน เรียกว่า ค้ำโพธิ์ค้ำไฮ และ ปักธงเฉลียงไว้ตามกองทราย
เดือนหก บุญบั้งไฟ เป็นพิธีกรรมขอฝนจากแถน โดยทำพิธีบูชาอารักษ์หลักเมือง เพื่อให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ให้ชาวบ้านได้ทำนา อย่างเต็มที่ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข กิจกรรมหลักของบุญบั้งไฟ การแห่บั้งไฟ การประกวดและแข่งขันบั้งไฟ การเล่นกลองตุ้ม การเส็งกลองกิ่ง การหดสรงพระภิกษุหรือสามเณรที่เห็นว่าเป็นผู้มีคุณธรรม การบวชนาค วันสุดท้ายเป็นการจุดบั้งไฟ บางพื้นที่จะทำบุญบั้งไฟ ทุก ๆ ๓ ปี ปีใดไม่ทำบุญบั้งไฟก็จะทำเฉพาะบุญเดือนหก คือ บุญวันวิสาขบูชา
เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ทำบุญชำฮะ ซำฮะ หมายความว่า ชำระ หรือล้าง เป็นการทำบุญเพื่อชำระล้างสิ่งอัปมงคลให้ออกจากหมู่บ้าน เพื่อชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข พ้นจากภัยต่าง ๆ โดยชาวบ้านจะสร้างประรำพิธีขึ้น ในหมู่บ้าน ผูกต้นกล้วยติดกับเสาประรำทั้งสี่มุมจัดทำอาสนสงฆ์ เตรียมเครื่องบูชาพระรัตนตรัย ด้ายสายสิญจน์ น้ำพระพุทธมนต์ ฝ้ายผูกแขน (ข้อมือ) เครื่องไทยทาน กรวด ทราย หลักไม้ไผ่ ๘ หลัก ตอนเย็นนิมนต์พระมาสวดมนต์ ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นถวายภัตตาหารเช้า ทำพิธี ๓ คืน เช้าวันสุดท้ายถวายสังฆทาน ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ คนเฒ่าคนแก่ผูกแขนให้ชาวบ้าน หว่านกรวดทรายให้ทั่วหมู่บ้าน แล้วขึงด้ายสายสิญจน์ให้รอบหมู่บ้าน เอาหลัก ๘ ทิศไปตอกไว้ตามทิศทั้งแปดของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะนำสิ่งปฏิกูล ไปทิ้งนอกบ้านบางแห่งจะทำบุญซำฮะในเดือนสาม โดยเลือกวันขึ้น ๑๔- ๑๕ ค่ำ
เดือนแปด บุญเข้าพรรษา ซึ่งเป็นพิธีที่ให้พระภิกษุ และสามเณรอยู่ประจำที่วัดแห่งใดแห่งหนึ่งตลอดสามเดือน คือเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ทำบุญเข้าพรรษาถือเอาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือวันอาสาฬหบูชาโดยชาวบ้านจะถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพล พร้อมทั้งเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นตลอดทั้ง ๓ เดือน แด่พระสงฆ์ ได้แก่ ไตรจีวร ยารักษาโรค เทียน ตะเกียง น้ำมัน นอกจากนั้นยังมีการถวายต้นเทียน บางท้องที่นำขี้ผึ้งมาหล่อเป็น ต้นเทียนขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งลวดลายที่สวยงาม แล้วแห่ไปถวายพระ ที่วัด อาจจะมีการถวายผ้าอาบน้ำฝนหรือปัจจัยด้วย หลังจากนั้นพระสงฆ์จะเทศนา ๑ กัณฑ์ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดประเพณี ไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมีที่อำนาจเจริญ
เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เปรต หรือญาติมิตร ที่ล่วงลับไปแล้ว ข้าวประดับดิน คือ ข้าวและอาหารหวานคาว หมากพลู และบุหรี่ ชาวบ้านจะนำสิ่งของดังกล่าวใส่กระทงแล้วนำไปวางตามที่ต่างๆ ในเขต ลานวัด เช่น ตามรั้ว ต้นไม้ หรือตามพื้นดิน การทำบุญข้าวประดับดินจะจัดขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ โดยชาวบ้านจะลุกขึ้นแต่เช้ามืดประมาณ ๓ – ๕ นาฬิกา แล้วนำกระทงข้าวประดับดินไปวางไว้ตามที่เห็นว่าสมควร เมื่อวางกระทงเสร็จแล้วจะจุดธูปเทียนบอกกล่าวให้เปรตหรือผู้ล่างลับไปแล้วมารับส่วนบุญ การนำกระทงไปวางที่ต่างๆต้องทำให้เสร็จก่อนรุ่งเช้า เพราะเชื่อว่าเปรตจะท่องเที่ยวเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น เมื่อถึงเวลารุ่งเช้าก็จะทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์สมาทานศีล ฟังเทศน์ และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ล่วงลับ
เดือนสิบ บุญข้าวสาก ข้าวสาก คือ สลากภัต เป็นการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์โดยวิธี จับสลาก เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ซึ่งเคยเป็นญาติผู้รักใคร่นับถือ โดยจะจัดงานขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ตอนเช้ามืดของวันงานชาวบ้านจะเตรียมอาหารที่จะทำเป็นสลากภัตแล้วนำอาหารอีกส่วนหนึ่งไปถวายพระและสามเณร พอใกล้เวลาเพลจึงนำอาหารที่เตรียมไว้สำหรับทำเป็นสลากภัตไปวัด ชาวบ้านจะนำสลากที่มีชื่อพระสงฆ์และสามเณร ไปถวายพระสงฆ์หรือสามเณรรูปนั้น นำข้าวสลากภัตไปวางไว้ตามบริเวณวัด แล้วจุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วมารับอาหาร และผลบุญที่อุทิศไปให้ มีการฟังเทศน์และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อจากนั้นชาวบ้านจะนำอาหารไปเลี้ยงผีตาแฮก ณ ที่นาของตน
เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา ชาวบ้านจะจัดงานในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตอนเช้ามีการตักบาตรหรือตักบาตรเทโว ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสามเณร บางท้องที่มีการกวนข้าวทิพย์ถวายเป็นพิเศษ มีการรับศีล ฟังเทศน์ ตอนค่ำมีการจุดประทีปโคมไฟในบริเวณวัดและหน้าบ้าน ในชนบทจะเอารวงข้าวที่เพิ่งผลิ เรียกว่า "ข้าวน้ำนม” ทำเป็นดอกไม้บูชา กลางคืน มีมหรสพ ท้องถิ่นที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เช่น อำเภอชานุมาน จะจัดให้มีการแข่งเรือ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า การส่วงเฮือ นอกจากนี้ประชาชนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนิยมมาร่วมแข่งเรือในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
เดือนสิบสอง บุญกฐิน การทำบุญกฐิน คือการถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ที่ผ่านการจำพรรษาแล้ว มีระยะเวลากฐิน หรือกรานกฐิน ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ในการทำบุญกฐินนั้นเจ้าภาพจะต้องจองวัด และกำหนดวัดทอดกฐินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเวลาเข้าพรรษา พร้อมทั้งเตรียมผ้าไตรจีวร อัฐบริขารอื่นๆ และเครื่องไทยทาน เจ้าภาพจะแจ้งข่าวการทำบุญกฐินให้ญาติมิตรทราบ กลางคืนก่อนวันทอดกฐินจะมีมหรสพฉลององค์กฐินอย่างสนุกสนาน วันรุ่งขึ้นก็แห่องค์กฐินไปวัด แห่เวียนประทักษิณหรือเวียนขวารอบโบสถ์ สามรอบ แล้วจึงทำพิธีถวายผ้ากฐินพร้อมทั้งบริวารแด่พระสงฆ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
คนตื่นพระ -พระพุทธ -พระธรรม-พระสงฆ์ วัฒนธรรมท้องถิ่นไทย
หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นายวุฒิชัย ศุภอรรถพานิช นายกเทศมนตรีเมืองกำแพงเพชร
วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นา...

งานประชาสัมพันธ์ ผลงาน ท่านหลวงพ่อพระมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ
-
วัดถ้ำลอดเจริญธรรม จัดงานวันอายุวัฒนมงคล หลวงพ่อพระมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ จัดกิจกรรมอุปสมบทหมู่ 71 รูปเพื่อภวายเป็นราชกุศล และใ...
-
ที่ปรึกษา ทางกาเงินและส่งเสริมการลงทุน ภาคเอกชน D-HOUSE AATL GROUP กิจการผู้สูงอายุไทย KINGMONY LINE CO,LTD.ที่ปรึกษา ด้านการเง...
-
โครงการนิคมอุตสาหกรรม ฮับโลจิสติกส์และพลังงานไฟฟ้าทดแทน ( เพชรบูรณ์ หนองคาย ขอนแก่น ลำพูน และ โคราชโมเดล ) ที่มาของโครงการ แนวโน้มธุร...