New Culture of Thailand

New Culture of Thailand คือ สารจากท้องถิ่น เทคนิคการเขียนข่าว Tuesday, July 30, 2013 - 12:14 องค์ประกอบของข่าว การเขียนข่าวสารที่จะประชาสัมพันธ์ หรือสารที่จะสื่อออกไปยังสื่อมวลชน ควรมีสาระสำคัญหรือองค์ประกอบ ที่เรียกว่า "5 W 1 H ” ดังต่อไปนี้ ใคร (Who) ใครคือบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข่าว ทำอะไร (What) เกิดอะไรขึ้น การกระทำหรือเหตุการณ์ใดที่สำคัญ ที่ไหน (Where) การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไร (When) การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นวัน เวลาใด ทำไมและอย่างไร ( Why and How) ทำไมเหตุการณ์นั้นจึงเกิด และเกิดขึ้นได้อย่างไร ข้อมูลประกอบอื่นๆ เช่น ความเป็นมา ขั้นตอนในการเขียนข่าว การเขียนข่าว ผู้เขียนควรปฎิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ หาข้อมูล โดยการค้นคว้า รวบรวมข้อมูล และสัมภาษณ์ วางแผนการเขียน ศึกษากลุ่มเป้าหมายและนโยบายของสื่อที่จะส่งเผยแพร่ ร่างเนื้อหา รูปแบบ ภาษา ทบทวน ประเมินผล โดยการอ่านทบทวนด้วยตนเอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยอ่าน องค์ประกอบการเขียนข่าว การเขียนข่าวหนังสือพิมพ์ ต้องบอกสิ่งสำคัญที่สุดก่อน แล้วจึงบอกสิ่งสำคัญรองลงมา การเขียนข่าวมีองค์ประกอบสำคัญเรียงลำดับ ดังต่อไปนี้ พาดหัวข่าว (headline) เป็นการบอกประเด็นสำคัญของข่าว มักใช้ประโยคที่เป็นข้อความสั้นๆ เพื่อช่วยให้รู้ว่าเป็นข่าวอะไร และมีประเด็นใดน่าสนใจ วิธีการพาดหัวข่าวให้พิจารณาความสำคัญของข่าวนั้นๆ ว่าใคร ทำอะไร เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร และทำไมจึงทำเช่นนั้น ตัวอย่างการเขียนพาดหัวข่าว 1.1 แบบ Who นำ เช่น "นายกรัฐมนตรีประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่ ศอ.บต.” "แฝดสยามเพศหญิงเสียชีวิตแล้ว” "กกต.ยืนกรานห้ามจดใหม่ พรรคถูกยุบ” 1.2 แบบ What นำ เช่น "เกิดเพลิงไหม้ที่ย่านชุมชนกลางตลาด” ซึ่งส่วนใหญ่ความสำคัญของข่าวอยู่ที่ การกระทำและผลกระทบ 1.3 แบบ When นำ เช่น "31 พ.ค.ชี้ชะตายุบพรรค” ซึ่งข่าวนี้ความสำคัญอยู่ที่เงื่อนไขของเวลา 1.4 แบบ Where นำ เช่น "เชียงใหม่กลายเป็นเมืองในหมอกจากไฟป่า” ซึ่งคุณค่าของข่าวอยู่ที่สถานที่ 1.5 แบบ Why นำ เช่น "เร่งหาสาเหตุหนุ่มคลั่งยิงกราด 3 ศพ กลางตลาดไท” ความสำคัญของข่าวอยู่ที่การตั้งข้อสังเกต เพื่อเพิ่มความอยากรู้ อยากเห็น 1.6 แบบ How นำ เช่น "อยากได้มือถือรุ่นใหม่ วัยรุ่นหาเงินด้วยการขายตัว” ความสำคัญของข่าวอยู่ที่ความเป็นเหตุเป็นผล วรรคนำ เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง คือต้องตอบสนองความสนใจของผู้อ่านว่า Who What When Where Why เขียนด้วยประโยคสรุปเรื่องหรือสรุปประเด็นสำคัญและกระชับ เพื่อขยายพาดหัวข่าว มีความยาวประมาณ 3-6 ประโยค เช่น "สดศรียืนกรานพรรคถูกยุบจดชื่อเดิมไม่ได้ ทนายบอก แม้วพร้อมแก้ปัญหา หาก ทรท.ถูกยุบ ด้านประธาน คมช.ติวเข้มตำรวจ-ทหาร สั่งห้ามใช้อาวุธรับมือม๊อบ” ส่วนเชื่อม เป็นตัวเชื่อมระหว่างวรรคนำกับเนื้อข่าว ส่วนใหญ่เป็นข้อความที่ขยายประเด็นของเรื่อง จะมีหรือไม่มีก็ได้ มักใช้กับข่าวใหญ่ เช่น "ทั้งนี้เป็นการประชุมลับ ห้ามไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องประชุมศาลฎีกา” เนื้อข่าว เป็นการบอกเรื่องที่เหลือจากที่บอกไว้แล้วในวรรคนำ เป็นข้อเท็จจริงที่สนับสนุนหรือขยายความ หรือช่วยให้วรรคนำได้ใจความชัดเจนขึ้น เป็นเรื่องราวทั้งหมดของข่าวที่ตอบคำถาม 5 W และ 1 H มี 2-5 ย่อหน้าตามความเหมาะสม โดยย่อหน้าแรกๆ เป็นรายละเอียดตามวรรคนำ ย่อหน้าสอง อ้างคำพูดผู้ให้สัมภาษณ์ หรือผู้บริหาร เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ย่อหน้าสุดท้าย เสริมข้อมูลเฉพาะที่จำเป็น เช่น "รายงานข่าวแจ้งว่า……………….” นอกจากนี้ตัวอย่างการนำคำพูดมาใช้ในเนื้อข่าว เช่น "ผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน เขาหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน” พันเอกอัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก กล่าว หรือ ประโยคอ้อม "พันเอกอัคร ทิพโรจน์ กล่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน และหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน” หรือประโยคตรง พันเอกอัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า "ผู้ก่อความไม่สงบกำลังสูญเสียมวลชน เขาหมดโอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดน” ทิ้งท้ายข่าว เป็นการสรุปประเด็นเพื่อดึงดูดความสนใจ ตอกย้ำจุดหมาย ส่วนใหญ่มี ความยาวประมาณ 4-6 ประโยค เช่น "เชิญร่วมกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และร่วมกันทำความดีถวายในหลวงด้วยการงดสูบบุหรี่” รูปแบบการเขียนข่าว โดยทั่วไปการเขียนข่าวจะมีเพียง 3 ส่วนเท่านั้น ได้แก่ พาดหัวข่าวหรือโปรยหัวข่าว (headline) วรรคนำ เป็นการสรุปเรื่องราว (lead) เนื้อข่าว เป็นรายละเอียดของเหตุการณ์และเรื่องราว (detail) นอกจากนี้รูปแบบการเขียนข่าวทั่วๆ ไป ไม่ว่าข่าวหนังสือพิมพ์ หรือข่าววิทยุโทรทัศน์ มี 3 รูปแบบ ได้แก่ ปีรามิดหัวกลับ ปีรามิดหัวตั้ง และสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยืนแบบผสม ซึ่งใช้ในรูปแบบของข่าวที่แตกต่างกันดังนี้ แบบปิรามิดหัวกลับ (inverted pyramid) เป็นการนำเสนอข่าวโดยลำดับประเด็นสำคัญจากมากไปหาน้อย ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ในการอยากรู้อยากเห็นสิ่งสำคัญก่อน ส่วนรายละเอียดไว้ทีหลัง ประกอบด้วย ข่าวพาดหัว วรรคนำ ส่วนเชื่อม และส่วนของเนื้อเรื่อง เรียงตามลำดับความสำคัญ เป็นการเขียนข่าว โดยเริ่มด้วยความนำที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง และส่วนเชื่อมที่โยงความสัมพันธ์ระหว่างความนำกับเนื้อหา ที่มีความสำคัญรองลงมา ส่วนเนื้อหา จะเป็นส่วนประกอบที่ให้รายละเอียดของเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แบบปิระมิดหัวตั้ง (upright pyramid) จะเรียงลำดับข้อมูลที่มีความสำคัญน้อยไปหามากที่สุด (climax) เพื่อให้ผู้อ่านมีความอยากรู้ เริ่มจากประเด็นที่ไม่มีความสำคัญมากนัก แล้วค่อยๆ เพิ่มประเด็นที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงประเด็นสำคัญที่สุด มักจะใช้ในเรื่องที่มีเงื่อนงำ เชิงสืบสวน สอบสวน ปัจจุบันไม่นิยมใช้ แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยืนแบบผสม (combination) มักใช้เขียนข่าวที่ไม่ค่อยสำคัญ เป็นข่าวสั้นๆ เริ่มจากส่วนเชื่อม หรือจากเนื้อเรื่องข่าว หลังจากพาดหัวข่าวแล้ว ไม่มีความนำ ความสำคัญของข่าวเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบเนื้อเรื่องของข่าว มักจะเขียนแบบเสนอข้อเท็จจริง whcofmxm คำสำคัญ : tags: การเขียนข่าว องค์ประกอบของข่าว

New Culture of Thailand คือ สารจากท้องถิ่น

New Culture of Thailand วิธีการศึกษาคือ ศึกษาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชั้นนำ

New Culture of Thailand วิธีการศึกษาคือ ศึกษาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชั้นนำ

รุจน์ โกมลบุตร และคณะ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คำสำคัญ: การวิเคราะห์เนื้อหา, นักการเมืองท้องถิ่น, หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น, ลำปาง บทคัดย่อ บทความเรื่อง “การนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปาง” เป็นผลมาจากการศึกษาในหัวข้อเดียวกัน มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อฉบับต่างๆ ของลำปางว่ามีการนำเสนอเป็นอย่างไร การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ และใช้แนวคิดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และจริยธรรมของสื่อมวลชน วิธีการศึกษาคือ ศึกษาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชั้นนำ 4 ชื่อฉบับในจังหวัดลำปาง ได้แก่ ฅนเมืองเหนือ (รายสัปดาห์ เน้นข่าวอาชญากรรม) แมงมุม (รายสัปดาห์ เน้นข่าวอาชญากรรม) ลานนาโพสต์ (รายสัปดาห์ เน้นข่าวเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และอาชญากรรม) และ ลำปางนิวส์ (รายปักษ์ เน้น ข่าวอาชญากรรม) ออกจำหน่ายระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560 รวม 6 เดือน ทั้งนี้จะพิจารณาข่าว บทความ และภาพข่าวที่ปรากฏในทุกหน้าว่า มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่นในปริมาณเท่าใด รูปแบบใด และมีเนื้อหาประเภทใด โดยมีหน่วยเป็นชิ้นและตารางนิ้ว การศึกษาพบว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอเนื้อหานักการเมืองท้องถิ่นคิดเป็นร้อยละ 4.80 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยนำเสนอในรูปแบบ “ภาพ” มากที่สุด ตามด้วย “ข่าว” และ “บทความ” น้อยที่สุด รวมทั้งนำเสนอเนื้อหา “ประเภทงานของสำนักงาน” มากที่สุด รองลงมาคือ “เรื่องส่วนตัวของนักการเมือง” และประเภท “ปัญหาสำนักงาน” น้อยที่สุด หนังสือพิมพ์ ลานนาโพสต์ มีสัดส่วนของพื้นที่การนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับ นักการเมืองเปรียบเทียบกับเนื้อหาอื่นๆ มากที่สุด มีพื้นที่นำเสนอในรูปแบบข่าวมากที่สุด มีพื้นที่การนำเสนอที่หน้า 1 มากที่สุด ทั้งนี้เป็นผลมาจากนโยบายของลานนาโพสต์ ที่ไม่ได้เน้นข่าวอาชญากรรมอย่างเดียวเหมือนหนังสือพิมพ์ชื่อฉบับอื่นๆ กิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง เป็นนักการเมืองที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอมากที่สุด เป็นแหล่งข่าวที่ปรากฏในเนื้อหา “ประเภทงานของสำนักงาน” และ “ปัญหาของสำนักงาน” มากที่สุด ขณะที่ ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลำปางนำเสนอมากเป็นอันดับสอง โดยปรากฏในเนื้อหา “ประเภทเรื่องส่วนตัว” มากที่สุด ข้อเสนอแนะจากการวิจัยคือ สื่อท้องถิ่นควรเพิ่มสัดส่วนการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพิ่มความสมดุลของเนื้อหาทั้งสามประเภทให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม “ประเภทปัญหาของสำนักงาน” เพื่อช่วยตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองแทนประชาชน และกระจายการนำเสนอชื่อและบทบาทของนักการเมืองให้หลากหลาย เพื่อนำเสนอให้เป็นข้อมูลทางเลือกแก่ประชาชน

เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ทำบุญชำฮะ ซำฮะ หมายความว่า ชำระ หรือล้าง เป็นการทำบุญเพื่อชำระล้างสิ่งอัปมงคลให้ออกจากหมู่บ้าน เพื่อชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข พ้นจากภัยต่าง ๆ

D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ บริษัท ฯ กลุ่มนักลงทุนและ คณะบริหารการวิจัย D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน นำโดย ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี ความสำคัญ ของโครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ หรือ นโยบายของรัฐ ภาคเอกชน วันนี้เป็นวันดีนะครับเป็นวันสิ้นปีของรอบวันเกิด ของผู้เขียน และเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันนี้เป็นวันดีที่ได้กำหนดแผนงานว่าจะต้องเขียนแผนธุรกิจขึ้นมาเพื่อ เสริมสร้าง ให้องค์กรมีแนวคิดต่อยอดจากความคิดของเรา และ การลงมือ ทำงานหรือการลงทุนในการทำธุรกิจ การที่เรามีแผนกำหนดเป้าหมายเอาไว้นั้นเราจะต้องมีระเบียบและวิธีการในการ จัดการในการทำงานจะต้องสร้าง โครงสร้างของธุรกิจขึ้นมา ในการสร้างโครงสร้างธุรกิจขึ้นมานั้น เขาต้อง ใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่ใน องค์ความรู้ของเราที่เรามีประสบการณ์การทำงานเรามีประสบการณ์ การใช้ความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการบริหารมีประสบการณ์ในการประกอบการในหน้าที่ตลอดจนเราได้ ดำเนินธุรกิจ ไป ดำเนินการธุรกิจตาม planning ที่เรากำหนดไว้นั้นจนสำเร็จลุล่วง แล้วเสร็จและมีกำไร เราก็ประเมินผลจากการทำงานที่ผ่านมาในประสบการณ์ เมื่อเราเห็นผลงานประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราเองนั้น สำเร็จผลเราก็ เผยแพร่ความรู้ของเราที่มีอยู่ ให้กับ พนักงานเพื่อพัฒนาองค์กรหรือคนที่เข้ามาเรียนรู้กับเราเราจะได้เผยแพร่ให้กับลูกศิษย์ของเรา ถึงขั้นตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน จังกับผมเองในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความ ชำนาญเป็นผู้ทรงมนุษย์ทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนเกิด Training ธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มาในระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้เขียนโครงการ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลซึ่งเรียกว่าโครงการ senior complex ประชารัฐภาคเอกชนสิ่งใดประสานงานกับทางท่านอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุท่าน ดร.สมคิดสมศรี ในอดีตจน ประสานงานกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมเป็นโครงการประชารัฐ ในสมัย รัฐบาลของท่านประยุทธ์ ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคม และผู้สูงวัย เตรียมแผนต้อนรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยในการแก้ปัญหา ระดับชาติ จนทำให้ แพนนิ่งธุรกิจของผมที่เขียนขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของ กรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นที่ยอมรับของหน่วยงานราชการ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ทั้งสถาบันการเงิน ในประเทศไทย ในภาครัฐที่ ให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ ธนาคาร ออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคาร แห่งชาติ และสถาบันการเงินต่างประเทศอีกหลายสถาบัน ที่ให้การสนับสนุนโครงการ ดร.สมัย แหมมั่น ในอดีต จนปัจจุบันนี้ ในระยะเวลาที่ การจัดทำโครงการเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการนโยบายของภาครัฐนั้น ใช้ระยะเวลาในการทำโครงการก็ หลายปี เขียนโครงการมาหลายปีจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจน เกิดการ สนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐและออกหนังสือ ให้การสนับสนุนโครงการเป็นรูปประธรรม โดยโครงการ senior คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ของ ดร.สมัย เหนมั่น นั้น ได้รับการสนับสนุนจากกรมกิจการผู้สูงอายุ โดยใช้นโยบายของรัฐบาล ในการจัดทำโครงการ เป็นนโยบายประชารัฐ วางแผนการอยู่อาศัย หลังวัยเกษียณของผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะวางแผน การอยู่อาศัยใน วัยเกษียณหลังจากการทำงาน ไปแล้ว โครงการได้รับการอนุมัติ ในการสนับสนุนให้สนับสนุนสินเชื่อโครงการสำหรับ การดูแลผู้สูงวัย ด้วยการ ดูแลสุขภาพของผู้สูงวัยกันโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพ สำหรับภาคเอกชนที่มีความประสงค์ จะขอสินเชื่อเพื่อทำโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน รัฐบาลก็จัดงบประมาณจัดนโยบาย ในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการสิ่งใดของเด็กซึ่งเป็นเหตุการณ์ของรัฐ ไว้ให้บริการตามความเหมาะสมความจำเป็นของการขอสินเชื่อโครงการดังกล่าว โดยอนุมัติ ให้โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สามารถที่จะกู้เงิน จาก ธนาคารของภาครัฐ ในการจัดทำโครงการได้เหมือนกับโครงการธุรกิจอสังหา หรือโครงการใน SME ทั่วๆไป ก็สามารถกู้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำโครงการได้ ถือว่าเป็นนโยบายหลักที่มีความ สำคัญและเป็นหัวใจในการขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่รัฐสนับสนุน เรือ่งนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมการลงทุน ของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ทำธุรกิจประกอบการในส่วนที่เป็นกิจการของรัฐในภาคเอกชนบรรลุเป้าหมาย ในส่วนของโครงการ ประชารัฐภาคเอกชนของท่านดอกเตอร์ สมัย ได้พัฒนาอาการรูปแบบการจัดทำการตลอดจนแบบแปลนตลอดจนแผนนิ่งงานเพื่อ พัฒนาโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน เป็นโครงการระดับชาติ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานของภาครัฐ ในการขอทุนเพื่อทำการตลอดจนภาคเอกชน ขอทุนเพื่อทำโครงการ ชนบทนี้ปี 2561 มีความสนใจ เข้าดูงานเข้าดู แผนธุรกิจแผนการบริหาร ของ ดร ชัยณัฎฐ์ แสงมณี ได้จัดทำสำนักงานเพื่อเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างไทยต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการลงทุนและก็ศูนย์สัมมนา เพื่อที่จะให้หน่วยงานราชการหน่วยงานท้องถิ่น ได้เข้าชมและรับฟังการบรรยายให้ความรู้ในการวางแผนเพื่อการอยู่อาศัยของวัยเกษียณตลอดจน ความจำเป็นในการ จะดำรงชีวิตหรือการวางแผนชีวิตในวัยเกษียณว่ามีวิธีการจัดการกับชีวิตของตนเอง ที่ดีอย่างไร ให้กัผู้สนใจและเพยแพร่ความรู้ให้กับนักศึกษา และประชาชนและข้าราชการหน่วยงานต่างๆเพื่อลดปัญหาในการ อยู่อาศัยของผู้สูงวัยในอนาคตที่จะมา ถึงและวันเวลาของแต่ละท่านได้เข้าอยู่อาศัย ในโครงการลักษณะดังกล่าวซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ตลอดจน เตรียมการในการก่อสร้าง โครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของ พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนที่มีความต้องการอยากจะเข้าอยู่อาศัย โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสมบูรณ์มีความเป็นบูรณาการ ที่สามารถสัมผัสได้จริงของประชาชนคนไทยตั้งแต่ 1 คือราคาไม่แพง 2 มีองค์ประกอบครบครันสามารถที่จะฝากชีวิตในบั้นปลาย 3 ตลอดจนการดูแลสุขภาพส่งเสริมสุขภาพที่ดี 4 ตลอดจน การวางแผนที่จะอยู่ใน ชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สามารถที่จะ ดำรงชีวิตอยู่ได้ในโครงการ ที่มีการดูแลด้วยระบบ Smart City ตลอดจน health care ที่ทันสมัย และ เทคนิคการชะลอวัยจราจร การวางแผนด้านอาหาร ในการบริโภค สำหรับผู้สูงวัย และ ที่พักอาศัยอันเหมาะสมสามารถที่จะเข้าอยู่ได้จริงสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ในการอยู่ อาศัยในโครงการ วันนี้ธนาคาร สถาบันการเงินจากต่างประเทศให้การสนับสนุน ด้วยการรับรองโครงการ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินไฟแนนซ์จากประเทศอังกฤษ และ ไฟแนนซ์จากดูไบให้การรับรองวงการว่าเป็นโครงการที่มีความเหมาะสมต่อมนุษย์ กับธนาคารในประเทศไทยซึ่งเป็นสถาบันการเงิน แห่งชาติ คือสถาบันการเงินธนาคาร UOBแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนโครงการเพื่อการจัดทำ startup เป็นแผงสตาร์ทอัพธุรกิจที่จะ ผลักดันให้โครงการเปิดลุล่วงไปดีๆ Step แรกพัฒนาธุรกิจโดยการสร้างโครงสร้างของธุรกิจตัวอย่างขึ้นมา แล้วก็ว่าประชาสัมพันธ์ โครงการสิริกิตให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบรับรู้และก็สร้างโครงการตัวอย่างขึ้นมา ด้วยงบประมาณ ระยะแรกจำนวน 200 ล้านบาท ในระยะที่ 2 เพื่อสนับสนุนโครงการในการจัดทำและบริหารการก่อสร้างโครงการ ผลักดันงบประมาณในการก่อสร้างโครงการ 1 โครงการจำนวน 500 ล้านบาท และใน งบประมาณการจัดทำโครงการเพื่อขยายโครงการออกไปในแต่ละจังหวัด ที่วางแผนเอาไว้นั้นงบประมาณ ที่เหมาะสม ในการพัฒนาโครงการ จำนวน 5,000 ล้านบาท อันนี้ ก็เป็นระยะแรกที่ สถาบันการเงินดังกล่าวให้การสนับสนุน โดยการวางแผน เพื่อที่จะรองรับ ผู้ที่มีความสนใจในโครงการ คาดว่าสามารถที่จะเข้าอยู่ภายในปี 25 68 โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ภายในปี 2566 ปลายปีนี้ก็เป็นช่วงที่ตาเตรียมการในการพัฒนา และ สรรหา พื้นที่การจัดทำโครงการตลอดจนบุคลากรเข้าร่วม การทำ Start Up ธุรกิจ อันนี้ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ของดอกเตอร์ชยณัฐแสงมณี ได้ให้ข้อมูลไว้ ในวันนี้ปี 2566 เดือน 12 เนื้อหารายงานจาก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สำนักงาน ศูนย์ประสานงาน เขตดอนเมือง ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี 30 /12/2566 ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีที่ประชาชนนำมาปฏิบัติประจำเดือน ทั้ง ๑๒ เดือนในรอบปีเป็นประเพณีการทำบุญประจำเดือนที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา การนับเดือนเป็นแบบจันทรคติ คือ เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ เดือนสิบเอ็ด และเดือนสิบสอง ตามปกติเดือนอ้ายซึ่งเป็นเดือนแรกของปีจะเริ่มประมาณปลายเดือนธันวาคม ชาวอำนาจเจริญ ถือว่าการประกอบพิธีกรรมตามฮีตสิบสองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าพิธีกรรม ดังกล่าวเกี่ยวเนื่องทั้งพุทธศาสนาและภูตผีวิญญาณ ตั้งแต่ได้รับการยกฐานะให้เป็นจังหวัดอำนาจเจริญ ทางราชการและประชาชนได้พยายามส่งเสริมพิธีกรรมฮีตสิบสอง ให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอำนาจเจริญ โดยจัดงานฮีตสิบสองและงานกาชาด ให้เป็นงานประจำปี ซึ่งจัดงานในวันที่ ๑-๑๐ ธันวาคม ของทุกปี พิธีกรรมตามฮีตสิบสอง ที่ชาวอำนาจเจริญปฏิบัติสืบเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน มีดังนี้ ฮีตที่ ๑. เดือนอ้าย บุญเข้ากรรม ฮีตที่ ๒. เดือนยี่ บุญคูนลาน ฮีตที่ ๓. เดือนสาม บุญข้าวจี่ ฮีตที่ ๔. เดือนสี่ บุญผะเหวด ฮีตที่ ๕. เดือนห้า บุญสงกรานต์ ฮีตที่ ๖. เดือนหก บุญบั้งไฟ ฮีตที่ ๗. เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ฮีตที่ ๘. เดือนแปด บุญเข้าพรรษา ฮีตที่ ๙. เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน ฮีตที่ ๑๐. เดือนสิบ บุญข้าวสาก ฮีตที่ ๑๑. เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา ฮีตที่ ๑๒. เดือนสิบสอง บุญกฐิน และงานลอยกระทง เดือนอ้าย บุญเข้ากรรม เป็นพิธีกรรมที่พระภิกษุหาทางออกจากอาบัติ พระภิกษุเป็น ผู้ประกอบพิธี พระภิกษุจะเข้าอยู่ในเขตจำกัด แล้วรักษากายและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งถือว่า "เข้ากรรม” เป็นการทดแทนคุณมารดา เพราะว่าเมื่อมารดาชาวอีสานคลอดบุตรต้องอยู่กรรม หรืออยู่ไฟ บางท้องถิ่นเรียกการเข้ากรรมว่า "การเข้าปริวาสกรรม” ใช้เวลาทั้งสิ้น ๙ คืน ปัจจุบันการทำบุญเข้ากรรม จะนิยมทำที่วัด โดยจะมีการกำหนดวันทำบุญเข้ากรรม ตามความพร้อมของแต่ละท้องที่ เดือนยี่ บุญคูนลาน หลังจากนวดข้าวเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะกองเมล็ดข้าวไว้ในลานนวดข้าว เป็นรูปกรวยคว่ำ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "กุ้มข้าว” ก่อนจะนำข้าวขึ้นเก็บไว้ในยุ้งฉาง ชาวบ้านจะทำบุญขวัญข้าว โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ในตอนเย็นและถวายภัตตาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เลี้ยงอาหารเพื่อนบ้านที่ไปร่วมพิธี ต่อจากนั้นจึงนำน้ำมนต์ไปพรมกองข้าวและ ที่นา เพื่อให้เจ้าของนาจะได้อยู่อย่างเป็นสุข ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ปีต่อไปข้าวกล้านาจะงอกงามและได้ผลดี ต่อจากนั้นจึงขนข้าวใส่ยุ้งฉาง เจ้าของนา บางคนอาจจะประกอบพิธีสู่ขวัญเล้า หรือยุ้งข้าวเพิ่มขึ้นอีก บางครั้งไม่สามารถทำบุญคูณลานได้เพราะว่าสภาพเศรษฐกิจของครอบครัวไม่ดี เดือนสาม บุญข้าวจี่ ตรงกับช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา ชาวบ้าน นำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วมาปั้นเป็นก้อน ให้มีขนาดประมาณไข่เป็ดฟองใหญ่ ทาเกลือแล้วเอาไม้เสียบอย่างไฟพลิกกลับไปมาจนผิวข้าวจี่กลายเป็นสีเหลือง ชาวบ้านต่างพากันนำข้าวจี่ไปวัด หลังจากที่พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์แล้วต่อจากนั้นจึงตักบาตรด้วยข้าวจี่ กล่าวคำถวายข้าวจี่ แล้วนำข้าวจี่ถวายพระพร้อมกับอาหารอื่น ปัจจุบันได้รวมบุญมาฆบูชาไว้ในบุญข้าวจี่ด้วย เดือนสี่ บุญผะเหวด หรือบุญมหาชาติ การทำบุญผะเหวดเป็นการประสานความร่วมมือกับหมู่บ้านจากหมู่บ้านอื่นมาร่วมงานด้วย กิจกรรมหลักของบุญผะเหวด คือ การนิมนต์พระอุปคุตมาประดิษฐานที่หอพระอุปคุตในตอนเช้า ตอนบ่ายมีพิธีอัญเชิญแห่พระเวสสันดร และพระนางมัทรีเข้าวัด ช่วงค่ำพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ กลางคืนเทศน์เรื่อง พระมาลัยหมื่นพระมาลัยแสน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระมาลัยไปเยี่ยมนรก ต่อจากนั้นจึงเทศน์สังกาศ วันที่สองจะมีเทศน์มหาชาติตลอดวัน เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาว่าการเทศน์มหาชาตินั้นจะต้องเทศน์ให้จบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ภายในวันเดียว จึงจะได้อานิสงส์มาก บางท้องถิ่นจะมีการแห่ข้าวพันก้อน ก่อนฟังเทศน์มหาชาติ ในวันที่สอง ซึ่งจะ มีการทำพิธีแห่ข้าวพันก้อน ตั้งแต่เวลา ๐๓.๐๐ น. โดยชาวบ้านจะมีผู้นำทำพิธีแต่งชุดขาว แห่ข้าวไปตามซุ้มธงทิว จำนวน ๘ ทิศ รอบโบสถ์ โดยเดินเวียนทั้งหมด ๓ รอบ เดือนห้า บุญสงกรานต์ เป็นทำบุญเฉลิมฉลองปีใหม่ตามคติโบราณ ซึ่งจัดให้มีพร้อมกันทั่วประเทศ โดยทำบุญสงกรานต์ในวันที่ ๑๓-๑๔ เมษายน กิจกรรมหลักของบุญสงกรานต์ คือการสรงน้ำพระพุทธรูปที่วัด สรงน้ำคนเฒ่าคนแก่ หนุ่มสาวเล่นสาดน้ำกัน (หรือนิยมเรียกว่า "ไปเนา”) ขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทราย บูชาพระเจดีย์ทราย และแห่ข้าวพันก้อน ในเมืองจะทำบุญสงกรานต์เพียง ๓ วัน คือวันที่ ๑๓ – ๑๕ เมษายน ส่วนในชนบทจะสรงน้ำพระพุทธรูปต่อไปอีกจนถึงวันเพ็ญเดือน ๖ จึงเสร็จสิ้นพิธีสงกรานต์ และก่อนที่พิธีสงกรานต์จะสิ้นลง ชาวบ้านจะทำพิธีแห่ดอกไม้รอบบ้าน ก่อพระเจดีย์ทรายไว้ตามทางสามแพร่งรอบหมู่บ้าน ไปรวมกัน เรียกว่า ค้ำโพธิ์ค้ำไฮ และ ปักธงเฉลียงไว้ตามกองทราย เดือนหก บุญบั้งไฟ เป็นพิธีกรรมขอฝนจากแถน โดยทำพิธีบูชาอารักษ์หลักเมือง เพื่อให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ให้ชาวบ้านได้ทำนา อย่างเต็มที่ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข กิจกรรมหลักของบุญบั้งไฟ การแห่บั้งไฟ การประกวดและแข่งขันบั้งไฟ การเล่นกลองตุ้ม การเส็งกลองกิ่ง การหดสรงพระภิกษุหรือสามเณรที่เห็นว่าเป็นผู้มีคุณธรรม การบวชนาค วันสุดท้ายเป็นการจุดบั้งไฟ บางพื้นที่จะทำบุญบั้งไฟ ทุก ๆ ๓ ปี ปีใดไม่ทำบุญบั้งไฟก็จะทำเฉพาะบุญเดือนหก คือ บุญวันวิสาขบูชา
เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ทำบุญชำฮะ ซำฮะ หมายความว่า ชำระ หรือล้าง เป็นการทำบุญเพื่อชำระล้างสิ่งอัปมงคลให้ออกจากหมู่บ้าน เพื่อชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข พ้นจากภัยต่าง ๆ โดยชาวบ้านจะสร้างประรำพิธีขึ้น ในหมู่บ้าน ผูกต้นกล้วยติดกับเสาประรำทั้งสี่มุมจัดทำอาสนสงฆ์ เตรียมเครื่องบูชาพระรัตนตรัย ด้ายสายสิญจน์ น้ำพระพุทธมนต์ ฝ้ายผูกแขน (ข้อมือ) เครื่องไทยทาน กรวด ทราย หลักไม้ไผ่ ๘ หลัก ตอนเย็นนิมนต์พระมาสวดมนต์ ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นถวายภัตตาหารเช้า ทำพิธี ๓ คืน เช้าวันสุดท้ายถวายสังฆทาน ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ คนเฒ่าคนแก่ผูกแขนให้ชาวบ้าน หว่านกรวดทรายให้ทั่วหมู่บ้าน แล้วขึงด้ายสายสิญจน์ให้รอบหมู่บ้าน เอาหลัก ๘ ทิศไปตอกไว้ตามทิศทั้งแปดของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะนำสิ่งปฏิกูล ไปทิ้งนอกบ้านบางแห่งจะทำบุญซำฮะในเดือนสาม โดยเลือกวันขึ้น ๑๔- ๑๕ ค่ำ เดือนแปด บุญเข้าพรรษา ซึ่งเป็นพิธีที่ให้พระภิกษุ และสามเณรอยู่ประจำที่วัดแห่งใดแห่งหนึ่งตลอดสามเดือน คือเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ทำบุญเข้าพรรษาถือเอาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือวันอาสาฬหบูชาโดยชาวบ้านจะถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพล พร้อมทั้งเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นตลอดทั้ง ๓ เดือน แด่พระสงฆ์ ได้แก่ ไตรจีวร ยารักษาโรค เทียน ตะเกียง น้ำมัน นอกจากนั้นยังมีการถวายต้นเทียน บางท้องที่นำขี้ผึ้งมาหล่อเป็น ต้นเทียนขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งลวดลายที่สวยงาม แล้วแห่ไปถวายพระ ที่วัด อาจจะมีการถวายผ้าอาบน้ำฝนหรือปัจจัยด้วย หลังจากนั้นพระสงฆ์จะเทศนา ๑ กัณฑ์ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดประเพณี ไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมีที่อำนาจเจริญ เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เปรต หรือญาติมิตร ที่ล่วงลับไปแล้ว ข้าวประดับดิน คือ ข้าวและอาหารหวานคาว หมากพลู และบุหรี่ ชาวบ้านจะนำสิ่งของดังกล่าวใส่กระทงแล้วนำไปวางตามที่ต่างๆ ในเขต ลานวัด เช่น ตามรั้ว ต้นไม้ หรือตามพื้นดิน การทำบุญข้าวประดับดินจะจัดขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ โดยชาวบ้านจะลุกขึ้นแต่เช้ามืดประมาณ ๓ – ๕ นาฬิกา แล้วนำกระทงข้าวประดับดินไปวางไว้ตามที่เห็นว่าสมควร เมื่อวางกระทงเสร็จแล้วจะจุดธูปเทียนบอกกล่าวให้เปรตหรือผู้ล่างลับไปแล้วมารับส่วนบุญ การนำกระทงไปวางที่ต่างๆต้องทำให้เสร็จก่อนรุ่งเช้า เพราะเชื่อว่าเปรตจะท่องเที่ยวเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น เมื่อถึงเวลารุ่งเช้าก็จะทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์สมาทานศีล ฟังเทศน์ และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ล่วงลับ เดือนสิบ บุญข้าวสาก ข้าวสาก คือ สลากภัต เป็นการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์โดยวิธี จับสลาก เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ซึ่งเคยเป็นญาติผู้รักใคร่นับถือ โดยจะจัดงานขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ตอนเช้ามืดของวันงานชาวบ้านจะเตรียมอาหารที่จะทำเป็นสลากภัตแล้วนำอาหารอีกส่วนหนึ่งไปถวายพระและสามเณร พอใกล้เวลาเพลจึงนำอาหารที่เตรียมไว้สำหรับทำเป็นสลากภัตไปวัด ชาวบ้านจะนำสลากที่มีชื่อพระสงฆ์และสามเณร ไปถวายพระสงฆ์หรือสามเณรรูปนั้น นำข้าวสลากภัตไปวางไว้ตามบริเวณวัด แล้วจุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วมารับอาหาร และผลบุญที่อุทิศไปให้ มีการฟังเทศน์และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อจากนั้นชาวบ้านจะนำอาหารไปเลี้ยงผีตาแฮก ณ ที่นาของตน เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา ชาวบ้านจะจัดงานในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตอนเช้ามีการตักบาตรหรือตักบาตรเทโว ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสามเณร บางท้องที่มีการกวนข้าวทิพย์ถวายเป็นพิเศษ มีการรับศีล ฟังเทศน์ ตอนค่ำมีการจุดประทีปโคมไฟในบริเวณวัดและหน้าบ้าน ในชนบทจะเอารวงข้าวที่เพิ่งผลิ เรียกว่า "ข้าวน้ำนม” ทำเป็นดอกไม้บูชา กลางคืน มีมหรสพ ท้องถิ่นที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เช่น อำเภอชานุมาน จะจัดให้มีการแข่งเรือ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า การส่วงเฮือ นอกจากนี้ประชาชนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนิยมมาร่วมแข่งเรือในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เดือนสิบสอง บุญกฐิน การทำบุญกฐิน คือการถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ที่ผ่านการจำพรรษาแล้ว มีระยะเวลากฐิน หรือกรานกฐิน ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ในการทำบุญกฐินนั้นเจ้าภาพจะต้องจองวัด และกำหนดวัดทอดกฐินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเวลาเข้าพรรษา พร้อมทั้งเตรียมผ้าไตรจีวร อัฐบริขารอื่นๆ และเครื่องไทยทาน เจ้าภาพจะแจ้งข่าวการทำบุญกฐินให้ญาติมิตรทราบ กลางคืนก่อนวันทอดกฐินจะมีมหรสพฉลององค์กฐินอย่างสนุกสนาน วันรุ่งขึ้นก็แห่องค์กฐินไปวัด แห่เวียนประทักษิณหรือเวียนขวารอบโบสถ์ สามรอบ แล้วจึงทำพิธีถวายผ้ากฐินพร้อมทั้งบริวารแด่พระสงฆ์

เขียนบทความข่าว คุณต้องค้นคว้าหัวข้อที่คุณจะเขียนอย่างละเอียด คุณต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นอย่างดีเพื่อเขียนบทความที่ใช้คำและรูปแบบที่ดี

การเริ่มเขียนบทความข่าว คุณต้องค้นคว้าหัวข้อที่คุณจะเขียนอย่างละเอียด คุณต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นอย่างดีเพื่อเขียนบทความที่ใช้คำและรูปแบบที่ดี ถ้าหากคุณเคยเขียนรายงานวิจัย คุณจะเข้าใจวิธีการค้นคว้าหัวข้อ ช่วงแรกของการเขียนบทความข่าวหรืองานวิจัยนั้นคล้ายคลึงกัน เริ่มด้วยการถามคำถามตัวเองด้วยคำถาม “5 ข้อ” นี้ (บางทีก็ “6 ข้อ”)[1] ใคร - ใครที่เกี่ยวข้อง? อะไร - เกิดอะไรขึ้น? ที่ไหน - เกิดขึ้นที่ไหน? ทำไม - ทำไมจึงเกิดขึ้น? เมื่อไหร่ - เกิดขึ้นเมื่อไหร่? อย่างไร - เกิดขึ้นได้อย่างไร?
การเตรียมบทความ ตั้งชื่อภาพ Define a Problem Step 4 1 ค้นคว้าหัวข้อ. ในการเริ่มเขียนบทความข่าว คุณต้องค้นคว้าหัวข้อที่คุณจะเขียนอย่างละเอียด คุณต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นอย่างดีเพื่อเขียนบทความที่ใช้คำและรูปแบบที่ดี ถ้าหากคุณเคยเขียนรายงานวิจัย คุณจะเข้าใจวิธีการค้นคว้าหัวข้อ ช่วงแรกของการเขียนบทความข่าวหรืองานวิจัยนั้นคล้ายคลึงกัน เริ่มด้วยการถามคำถามตัวเองด้วยคำถาม “5 ข้อ” นี้ (บางทีก็ “6 ข้อ”)[1] ใคร - ใครที่เกี่ยวข้อง? อะไร - เกิดอะไรขึ้น? ที่ไหน - เกิดขึ้นที่ไหน? ทำไม - ทำไมจึงเกิดขึ้น? เมื่อไหร่ - เกิดขึ้นเมื่อไหร่? อย่างไร - เกิดขึ้นได้อย่างไร? ตั้งชื่อภาพ Do Research Step 19 2 รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด. เมื่อคุณสามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจนแล้วก็ควรจดข้อเท็จจริงและข้อมูลที่คุณต้องใส่ในบทความ แบ่งข้อเท็จจริงออกเป็น 3 กลุ่ม: 1) สิ่งที่คุณต้องใส่ในบทความ 2) สิ่งที่น่าสนใจแต่ไม่สำคัญ 3) สิ่งที่เกี่ยวข้องแต่ไม่สำคัญกับจุดประสงค์ของบทความ ข้อเท็จจริงและข้อมูลเหล่านี้จะช่วยไม่ให้คุณพลาดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือเรื่องราวและช่วยให้คุณเขียนบทความที่สะอาดตาและกระชับ คุณต้องลงรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงให้ได้มากที่สุดเมื่อเขียนข้อเท็จจริงเหล่านี้ คุณสามารถตัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกได้ในภายหลังแต่การตัดเนื้อหาออกง่ายกว่ากันต้องเขียนบทความขึ้นมาใหม่ คุณอาจจะมีช่องโหว่ในข้อมูลซึ่งไม่เป็นไร ถ้าหากคุณไม่มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องก็ควรเขียนคำถามและเรื่องคำถามเพื่อที่คุณจะไม่มีค้นคว้าหาข้อมูล เมื่อคุณมีข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าหากบรรณาธิการไม่ได้มอบหมายประเภทของบทความให้กับคุณ คุณควรตัดสินใจว่าคุณจะเขียนบทความแบบใด ถามตัวเองว่านี่คือบทความที่แสดงความคิดเห็น บทความที่ไม่มีอคติและตรงไปตรงมาหรือตกอยู่ระหว่าง 2 ประเภทนี้

วัฒนธรรม คือ ความเจริญในทางวิชาความรู้ ภูมิปัญญาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ วรรณคดี กวีนิพนธ์ ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณี จรรยามารยาท และค่านิยม ที่สังคมหนึ่งๆ ได้สั่งสม อนุรักษ์ และพัฒนาสืบมา

D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ บริษัท ฯ กลุ่มนักลงทุนและ คณะบริหารการวิจัย D - HOUSE GROUP ได้สำรวจการออกแบบโครงการและลงทุนในพื้นที่ เพื่อจัดสร้าง ที่พักผู้สูงอายุ โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน นำโดย ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี ความสำคัญ ของโครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ หรือ นโยบายของรัฐ ภาคเอกชน วันนี้เป็นวันดีนะครับเป็นวันสิ้นปีของรอบวันเกิด ของผู้เขียน และเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันนี้เป็นวันดีที่ได้กำหนดแผนงานว่าจะต้องเขียนแผนธุรกิจขึ้นมาเพื่อ เสริมสร้าง ให้องค์กรมีแนวคิดต่อยอดจากความคิดของเรา และ การลงมือ ทำงานหรือการลงทุนในการทำธุรกิจ การที่เรามีแผนกำหนดเป้าหมายเอาไว้นั้นเราจะต้องมีระเบียบและวิธีการในการ จัดการในการทำงานจะต้องสร้าง โครงสร้างของธุรกิจขึ้นมา ในการสร้างโครงสร้างธุรกิจขึ้นมานั้น เขาต้อง ใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่ใน องค์ความรู้ของเราที่เรามีประสบการณ์การทำงานเรามีประสบการณ์ การใช้ความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการบริหารมีประสบการณ์ในการประกอบการในหน้าที่ตลอดจนเราได้ ดำเนินธุรกิจ ไป ดำเนินการธุรกิจตาม planning ที่เรากำหนดไว้นั้นจนสำเร็จลุล่วง แล้วเสร็จและมีกำไร เราก็ประเมินผลจากการทำงานที่ผ่านมาในประสบการณ์ เมื่อเราเห็นผลงานประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราเองนั้น สำเร็จผลเราก็ เผยแพร่ความรู้ของเราที่มีอยู่ ให้กับ พนักงานเพื่อพัฒนาองค์กรหรือคนที่เข้ามาเรียนรู้กับเราเราจะได้เผยแพร่ให้กับลูกศิษย์ของเรา ถึงขั้นตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน จังกับผมเองในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความ ชำนาญเป็นผู้ทรงมนุษย์ทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนเกิด Training ธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มาในระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้เขียนโครงการ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลซึ่งเรียกว่าโครงการ senior complex ประชารัฐภาคเอกชนสิ่งใดประสานงานกับทางท่านอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุท่าน ดร.สมคิดสมศรี ในอดีตจน ประสานงานกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมเป็นโครงการประชารัฐ ในสมัย รัฐบาลของท่านประยุทธ์ ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคม และผู้สูงวัย เตรียมแผนต้อนรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยในการแก้ปัญหา ระดับชาติ จนทำให้ แพนนิ่งธุรกิจของผมที่เขียนขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของ กรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นที่ยอมรับของหน่วยงานราชการ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ทั้งสถาบันการเงิน ในประเทศไทย ในภาครัฐที่ ให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ ธนาคาร ออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคาร แห่งชาติ และสถาบันการเงินต่างประเทศอีกหลายสถาบัน ที่ให้การสนับสนุนโครงการ ดร.สมัย แหมมั่น ในอดีต จนปัจจุบันนี้ ในระยะเวลาที่ การจัดทำโครงการเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการนโยบายของภาครัฐนั้น ใช้ระยะเวลาในการทำโครงการก็ หลายปี เขียนโครงการมาหลายปีจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจน เกิดการ สนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐและออกหนังสือ ให้การสนับสนุนโครงการเป็นรูปประธรรม โดยโครงการ senior คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ของ ดร.สมัย เหนมั่น นั้น ได้รับการสนับสนุนจากกรมกิจการผู้สูงอายุ โดยใช้นโยบายของรัฐบาล ในการจัดทำโครงการ เป็นนโยบายประชารัฐ วางแผนการอยู่อาศัย หลังวัยเกษียณของผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีความสนใจที่จะวางแผน การอยู่อาศัยใน วัยเกษียณหลังจากการทำงาน ไปแล้ว โครงการได้รับการอนุมัติ ในการสนับสนุนให้สนับสนุนสินเชื่อโครงการสำหรับ การดูแลผู้สูงวัย ด้วยการ ดูแลสุขภาพของผู้สูงวัยกันโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพ สำหรับภาคเอกชนที่มีความประสงค์ จะขอสินเชื่อเพื่อทำโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน รัฐบาลก็จัดงบประมาณจัดนโยบาย ในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการสิ่งใดของเด็กซึ่งเป็นเหตุการณ์ของรัฐ ไว้ให้บริการตามความเหมาะสมความจำเป็นของการขอสินเชื่อโครงการดังกล่าว โดยอนุมัติ ให้โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สามารถที่จะกู้เงิน จาก ธนาคารของภาครัฐ ในการจัดทำโครงการได้เหมือนกับโครงการธุรกิจอสังหา หรือโครงการใน SME ทั่วๆไป ก็สามารถกู้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำโครงการได้ ถือว่าเป็นนโยบายหลักที่มีความ สำคัญและเป็นหัวใจในการขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่รัฐสนับสนุน เรือ่งนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมการลงทุน ของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ทำธุรกิจประกอบการในส่วนที่เป็นกิจการของรัฐในภาคเอกชนบรรลุเป้าหมาย ในส่วนของโครงการ ประชารัฐภาคเอกชนของท่านดอกเตอร์ สมัย ได้พัฒนาอาการรูปแบบการจัดทำการตลอดจนแบบแปลนตลอดจนแผนนิ่งงานเพื่อ พัฒนาโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน เป็นโครงการระดับชาติ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานของภาครัฐ ในการขอทุนเพื่อทำการตลอดจนภาคเอกชน ขอทุนเพื่อทำโครงการ ชนบทนี้ปี 2561 มีความสนใจ เข้าดูงานเข้าดู แผนธุรกิจแผนการบริหาร ของ ดร ชัยณัฎฐ์ แสงมณี ได้จัดทำสำนักงานเพื่อเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างไทยต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการลงทุนและก็ศูนย์สัมมนา เพื่อที่จะให้หน่วยงานราชการหน่วยงานท้องถิ่น ได้เข้าชมและรับฟังการบรรยายให้ความรู้ในการวางแผนเพื่อการอยู่อาศัยของวัยเกษียณตลอดจน ความจำเป็นในการ จะดำรงชีวิตหรือการวางแผนชีวิตในวัยเกษียณว่ามีวิธีการจัดการกับชีวิตของตนเอง ที่ดีอย่างไร ให้กัผู้สนใจและเพยแพร่ความรู้ให้กับนักศึกษา และประชาชนและข้าราชการหน่วยงานต่างๆเพื่อลดปัญหาในการ อยู่อาศัยของผู้สูงวัยในอนาคตที่จะมา ถึงและวันเวลาของแต่ละท่านได้เข้าอยู่อาศัย ในโครงการลักษณะดังกล่าวซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ตลอดจน เตรียมการในการก่อสร้าง โครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของ พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนที่มีความต้องการอยากจะเข้าอยู่อาศัย โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสมบูรณ์มีความเป็นบูรณาการ ที่สามารถสัมผัสได้จริงของประชาชนคนไทยตั้งแต่ 1 คือราคาไม่แพง 2 มีองค์ประกอบครบครันสามารถที่จะฝากชีวิตในบั้นปลาย 3 ตลอดจนการดูแลสุขภาพส่งเสริมสุขภาพที่ดี 4 ตลอดจน การวางแผนที่จะอยู่ใน ชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สามารถที่จะ ดำรงชีวิตอยู่ได้ในโครงการ ที่มีการดูแลด้วยระบบ Smart City ตลอดจน health care ที่ทันสมัย และ เทคนิคการชะลอวัยจราจร การวางแผนด้านอาหาร ในการบริโภค สำหรับผู้สูงวัย และ ที่พักอาศัยอันเหมาะสมสามารถที่จะเข้าอยู่ได้จริงสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ในการอยู่ อาศัยในโครงการ วันนี้ธนาคาร สถาบันการเงินจากต่างประเทศให้การสนับสนุน ด้วยการรับรองโครงการ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินไฟแนนซ์จากประเทศอังกฤษ และ ไฟแนนซ์จากดูไบให้การรับรองวงการว่าเป็นโครงการที่มีความเหมาะสมต่อมนุษย์ กับธนาคารในประเทศไทยซึ่งเป็นสถาบันการเงิน แห่งชาติ คือสถาบันการเงินธนาคาร UOBแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนโครงการเพื่อการจัดทำ startup เป็นแผงสตาร์ทอัพธุรกิจที่จะ ผลักดันให้โครงการเปิดลุล่วงไปดีๆ Step แรกพัฒนาธุรกิจโดยการสร้างโครงสร้างของธุรกิจตัวอย่างขึ้นมา แล้วก็ว่าประชาสัมพันธ์ โครงการสิริกิตให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบรับรู้และก็สร้างโครงการตัวอย่างขึ้นมา ด้วยงบประมาณ ระยะแรกจำนวน 200 ล้านบาท ในระยะที่ 2 เพื่อสนับสนุนโครงการในการจัดทำและบริหารการก่อสร้างโครงการ ผลักดันงบประมาณในการก่อสร้างโครงการ 1 โครงการจำนวน 500 ล้านบาท และใน งบประมาณการจัดทำโครงการเพื่อขยายโครงการออกไปในแต่ละจังหวัด ที่วางแผนเอาไว้นั้นงบประมาณ ที่เหมาะสม ในการพัฒนาโครงการ จำนวน 5,000 ล้านบาท อันนี้ ก็เป็นระยะแรกที่ สถาบันการเงินดังกล่าวให้การสนับสนุน โดยการวางแผน เพื่อที่จะรองรับ ผู้ที่มีความสนใจในโครงการ คาดว่าสามารถที่จะเข้าอยู่ภายในปี 25 68 โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน ภายในปี 2566 ปลายปีนี้ก็เป็นช่วงที่ตาเตรียมการในการพัฒนา และ สรรหา พื้นที่การจัดทำโครงการตลอดจนบุคลากรเข้าร่วม การทำ Start Up ธุรกิจ อันนี้ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ของดอกเตอร์ชยณัฐแสงมณี ได้ให้ข้อมูลไว้ ในวันนี้ปี 2566 เดือน 12 เนื้อหารายงานจาก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน สำนักงาน ศูนย์ประสานงาน เขตดอนเมือง ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี 30 /12/2566 วัฒนธรรม คือ ความเจริญในทางวิชาความรู้ ภูมิปัญญาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ วรรณคดี กวีนิพนธ์ ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณี จรรยามารยาท และค่านิยม ที่สังคมหนึ่งๆ ได้สั่งสม อนุรักษ์ และพัฒนาสืบมา ถ่ายทอดส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นวิถีที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมนั้นๆ ในที่สุด เช่น วัฒนธรรมไทยนั้น ได้แก่ ภาษาไทย วรรณคดีไทย นาฏศิลป์ไทย การละเล่นไทย มวยไทย อาหารไทย ชุดไทย สถาปัตยกรรมไทย ศิลปหัตกรรมไทย ประเพณีไทย วิถีชีวิตไทย มารยาทไทย เช่น การไหว้ การแต่งกายที่ถูกต้องตามกาลเทศะ เป็นต้น ภาพ : shutterstock.com วัฒนธรรมไทยมีความเป็นมายาวนาน เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของชาติต่างๆ ที่เข้ามาติดต่อค้าขายผูกสัมพันธ์กับไทย ตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ผ่านการสืบสาน และพัฒนาต่อยอด จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เป็นมรดกจากบรรพบุรุษที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และควรที่ลูกหลานไทยจะภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชนชาติตน การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยสามารถทำได้ดังนี้ 1. ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ได้มีการรวบรวมไว้แล้วและที่ยังไม่ได้ศึกษา ความรู้ที่ได้ศึกษาจะกลายเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิตเมื่อได้เห็นคุณค่า และนำไปใช้ประโยชน์ให้เหมาะสม 2. ส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่า และร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้าใจ และความมั่นใจแก่ประชาชนในการปรับเปลี่ยน และตอบสนองกระแสวัฒนธรรมอื่นๆ 3. ขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมในวัฒนธรรม รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญ และตระหนักว่าวัฒนธรรมเป็นเรื่องของทุกคน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน การบริการด้านความรู้ วิชาการ และทุนทรัพย์จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม 4. ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม ทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน 5. สร้างทัศนคติ ความรู้ และความเข้าใจ ว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และทางวัฒนธรรม เป็นสมบัติของทุกคน ดังนั้น ทุกคนจึงมีหน้าที่ในการเสริมสร้าง ฟื้นฟู และดูแลรักษา 6. จัดทำระบบเครือข่ายสารสนเทศทางด้านวัฒนธรรม เพื่อเป็นศูนย์กลาง เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานให้ประชาชนเข้าใจ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมในการดำเนินชีวิต 7. ส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยรู้จักสิทธิ และหน้าที่ ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ภาพ : shutterstock.com การค้นคว้าวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยนั้น สามารถสืบค้นได้จากคำบอกกล่าวของผู้เฒ่า ผู้อาวุโส หรือผู้รู้ จากนิยาย นิทานชาวบ้าน คัมภีร์ทางศาสนา หรือวรรณคดีประเภทต่างๆ จากคำคม สุภาษิต หรือคำพังเพย ที่มีมาแต่โบราณ ภาพ : shutterstock.com อย่างไรก็ตาม การอนุรักษณ์วัฒนธรรมไทยนั้น ไม่ใช่การเก็บรักษาไว้บนหิ้ง การปฏิบัติต่อวัฒนธรรมดุจดังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แตะต้องไม่ได้ ก็เปรียบได้กับการกราบไหว้รูปเคารพของบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว การสืบสานวัฒนธรรมที่ถูกที่ควรนั้น ต้องทำให้วัฒนธรรมมีชีวิต ซึ่งก็คือ การนำมาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิต และเป็นธรรมดาของสิ่งที่มีชีวิต ที่ย่อมจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ ดังนั้น การผสมผสานวัฒนธรรมไทย กับภูมิปัญญาจากนานาชาติที่หลั่งไหลเข้ามา ก็เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้มีชีวิตชีวาเช่นกัน เหมือนกับที่วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน เป็นผลรวมของการปรับเปลี่ยน และพัฒนาภูมิปัญญาและอารยธรรมชนชาติต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในดินแดนไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ภาพ : shutterstock.com การเลือกรับวัฒนธรรมสากลเข้ามาใช้ในการดำเนินชีวิตนั้น สามารถเลือกรับวัฒนธรรมสากลที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ควรเลือกรับเฉพาะวัฒนธรรมที่ดี เหมาะกับสังคมไทยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยในยุคปัจจุบัน และต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียควบคู่กันไป เนื่องจากสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมจากวัฒนธรรมภายนอก มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งถ้าหากเราศึกษาให้ดี ใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็จะก่อให้เกิดความสะดวกสบาย ช่วยแก้ไขปัญหาในชีวิต และตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เรียบเรียงโดย : Tag : , วัฒนธรรมไทย,, ภูมิปัญญา,, อนุรักษ์,, มรดก

วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตของคนไทยในสังคมไทย ซึ่งเป็นแบบแผนของการประพฤติปฏิบัติที่ดีงานและการแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดใน สถานการณ์ต่างๆ

<< Go Back วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตของคนไทยในสังคมไทย ซึ่งเป็นแบบแผนของการประพฤติปฏิบัติที่ดีงานและการแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดใน สถานการณ์ต่างๆ ที่สมาชิกในสังคมไทยสามารถรู้ เข้าใจ ซาบซึ้ง ยอมรับ และใช้ปฏิบัติร่วมกันในสังคมไทย ได้แก่ 1. ภาษาและวัฒนธรรม หมายถึง ภาษาไทยที่ใช้ในการพูดและการเขียนรวมทั้งงานประพันธ์ที่สร้างสรรค์ที่มีการบันทึกไว้ เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร 2. มารยาท หมายถึง การประพฤติ ปฏิบัติระหว่างบุคคลตjอบุคคลที่สังคมยอมรับ ได้แก่ มารยาททางกาย และมารยาททาง วาจา 3. การแต่งกาย หมายถึง เครื่องนุ่งห่มที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย 4. ประเพณีและพิธีทางศาสนา หมายถึง กิจกรรมที่ปฏิบัติในวันสำคัญต่างๆ 5. ศิลปกรรม หมายถึง งานศิลปหัตถกรรม จิตกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม 6. การแสดงและการละเล่น หมายถึง การละเล่นและของเล่นของไทย ดนตรีไทย เพลงไทยประเภทต่างๆ และศิลปะการ แสดงของไทย วัฒนธรรมไทย : ด้านการแต่งกาย วัฒนธรรมไทยด้านการแต่งกาย ตั้งแต่ในอดีตมานั้นคนไทยมีเอกลักษณ์ด้านการแต่งกายที่ใช้ผ้าไทยซึ่งทำจากผ้าไหม ผ้า ทอมือต่างๆ นำมาทำเป็นผ้าสไบสำหรับผู้หญิงไทย ส่วนผู้ชายก็มีการแต่งกายที่นิยมสำหรับชาวบ้านก็คงหนีไม่พ้นผ้าขาวม้าซึ่ง นิยมใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันก็ยังมีอยู่ ตัวอย่าง ในสมัยอยุธยาตอนปลายนั้นหญิงไทยจะนุ่งโจงกระเบนสวนเสื้อรัดรูปแขนกระบอก ผู้ชายจะนุ่งผ้าม่วงโจง สวม เสื้อคอปิด ผ่าอกแขนยาว โดยปกติจะไม่นิยมใส่เสื้อ ซึ่งในปัจจุบันนี้เราหาแทบไม่ได้แล้วสำหรับการแต่งกายแบบนี้ เนื่องจากคนไทยสมัยปัจจุบันนิยมแต่งกายตามแบบนิยม ตามชาวยุโรปซึ่งทำให้กายแต่งกายแบบอดีตเริ่มเลื่อนหายไปมาก วัฒนธรรมไทย : ด้านภาษา ประเทศไทยมีภาษาเป็นของตนเองมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเนื่องจากประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศใด ในโลก ทำให้เรามีภาษาไทยใช้มาจนถึงปัจจุบัน และในประเทศไทยก็มีภาษาทางการ คือภาษากลาง ซึ่งคนในประเทศไม่ว่าจะอยู่ ในภาคไหนก็สามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษากลางนั้นเอง เพราะในประเทศไทยเรามีถึง 4 ภาคหลักและในแต่ละภาคก็ใช้ภาษาที่ แตกต่างกันไปบ้างดังนั้นเพื่อให้คนไทยสามารถสื่อสารตรงกันได้เราจึงมีภาษากลางเกิดขึ้นนั่นเอง วัฒนธรรมไทย : ด้านอาหาร วัฒนธรรมที่มีความสำคัญกับคนไทยไม่น้อยไปกว่าวัฒนธรรมด้านการแต่งกายและวัฒนธรรมด้านภาษาคือวัฒนธรรมด้าน อาหาร ซึ่งวัฒนธรรมด้านอาหารของคนไทยนั้นก็มีมาตั้งแต่สมัยอดีตจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะอาหารการกิน ที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วเราจะเรียกว่าวัฒนธรรมอาหารไทย ซึ่งอาหารไทยนั้นมีมากมายที่ขึ้นชื่อของไทย และโด่งดัง ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย เป็นต้น อาหารถือเป็นวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งของไทย ที่คนไทยควรให้ความสำคัญ และ ถือว่าอาหารไทยก็ไม่แพ้อาหารของชนชาติใด วัฒนธรรมไทย : ด้านศิลปกรรม ถือเป็นภูมิปัญญาไทยที่สำคัญ โดยเป็นผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อความสวยงามก่อให้เกิดความสุขทางใจ ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ สร้างสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากพุทธศาสนา และเป็นการแสดงความเคารพและจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ผลงาน ที่ปรากฏตามวัดวาอารามต่างๆ เรือนไทยที่มีลักษณะเฉพาะพิเศษ ศิลปกรรมไทยที่สำคัญได้แก่ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม นาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ วรรณกรรม ประเภทของวัฒนธรรม *วัฒนธรรมทางวัตถุ คือ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อความสุขทางกาย อันได้แก่ ยานพาหนะ ที่อยู่ อาศัยตลอดจนเครื่องป้องกันตัวให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง * วัฒนธรรมทางจิตใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ เพื่อให้เกิดปัญญาและมีจิตใจที่งดงาม อันได้แก่ ศาสนาศีลธรรม จริยธรรม คติธรรม ตลอดจนศิลปะ วรรณคดี และระเบียบแบบแผนของขนบธรรมเนียมประเพณี การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เหล่านี้คือวัฒนธรรมหลักๆ ที่เรามีอยู่ในประเทศไทยซึ่งจริงๆ แล้วเรายังมีวัฒนธรรมอีกมายมากเพียงแต่อาจจะใช้กันใน ชุมชนหรือหมู่บ้านของแต่ละท้องถิ่น แต่เมื่อเรามีวัฒนธรรมหลักที่เป็นของเราเองอยู่แล้วเราก็ควรอนุรักษ์ไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ ของเราไม่ควรให้ต่างชาติมามีอิทธิต่อเรามากเกินไปเพราะวันหนึ่งเราอาจไม่เหลือวัฒนธรรมไทยอะไรให้จดจำอีกเลย ฉะนั้นเรา มาร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยไว้เถิดเพื่อลูกหลานเราในอนาคตจะได้ไม่หลงลืมไปและพูดถึงประเทศไทยได้อย่างเต็มความ ภาคภูมิใจในความเป็นไทยตลอดไป ที่มา : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=765622 ที่มา : http://blog.eduzones.com/poonpreecha/8524

วัฒนธรรมไทย ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรม อินเดีย จีน และ ขอม ตลอดจนวิญญาณนิยม ศาสนาพุทธ และ ศาสนาฮินดู

วัฒนธรรมไทย ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรม อินเดีย จีน และ ขอม ตลอดจนวิญญาณนิยม ศาสนาพุทธ และ ศาสนาฮินดู พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ได้ระบุไว้ว่า "วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิต ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม จารีตประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญา ซึ่งกลุ่มคนและสังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรียนรู้ ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความเจริญงอกงามทางด้านจิตใจและวัตถุอย่างสันติสุขและยั่งยืน" ถึงแม้คำนิยามของวัฒนธรรมจะมีความครอบคลุม และหลากหลาย ก็ยังยังมีการเน้นมิติของ ความดีงาม และมักจะใช้เป็นข้ออ้างในการ ควบคุม และ ครอบงำ สมาชิกในสังคม ส่วนความหมายของวัฒนธรรมในทางสังคมวิทยานั้น หมายถึง ระบบความหมายและแบบแผนพฤติกรรมที่สมาชิกในสังคมนั้นนั้นยึดถือและปฏิบัติ วัฒนธรรมแห่งชาติของไทยเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ซึ่งสิ่งที่ปัจจุบันถือเป็นวัฒนธรรมไทยเดิมไม่มีอยู่ในรูปแบบนั้นเมื่อกว่าร้อยปีก่อน บ่อเกิดสามารถสืบย้อนไปได้ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพิบูลสงครามสนับสนุนการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยกลางเป็นวัฒนธรรมแห่งชาตินิยามและยับยั้งมิให้ชนกลุ่มน้อยแสดงออกซึ่งวัฒนธรรมของตน วัฒนธรรมพลเมืองรุ่นปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่ยึดรุ่นอุดมคติของวัฒนธรรมไทยกลางเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ซึ่งรวมลักษณะชาตินิยมสมัยรัชกาลที่ 5 ราชย์กัมพูชา และลัทธิอิงสามัญชนที่นิยมบุคคลลักษณะ หรือสรุปคือ วัฒนธรรมพลเมืองของไทยปัจจุบันนิยามว่าประเทศไทยเป็นดินแดนของคนไทยกลาง มีศาสนาเดียวคือ พุทธนิกายเถรวาท และปกครองโดยราชวงศ์จักรี[1] ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเน้นว่า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถตรัสรู้และไปถึงนิพพาน และดีที่สุดที่ทำได้คือ การสะสมบุญผ่านการปฏิบัติที่เป็นพิธีกรรมอย่างสูง เช่น การถวายอาหารพระสงฆ์และการบริจาคเงินเข้าวัด คำสอนทางศาสนาถูกเลือกให้สนับสนุนมุมมองทางโลกแบบศาสนาขงจื๊อใหม่ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่สามเสาหลัก ศาสนาพุทธของไทยยังรวมการบูชาวิญญาณของกัมพูชาและความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ นอกจากนี้ยังเน้นรูปแบบมากกว่าแก่นสาร[1] คนไทยเน้นและให้คุณค่ารูปแบบมารยาทภายนอกอย่างยิ่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์ประสานกัน กฎมารยาทหลายอย่างเป็นผลพลอยได้ของศาสนาพุทธ สังคมไทยเป็นสังคมไม่เผชิญหน้าที่เลี่ยงการวิจารณ์ในที่สาธารณะ การเสียหน้าเป็นความเสื่อมเสียแก่คนไทย จึงเลี่ยงการเผชิญหน้าและมุ่งประนีประนอมในสถานการณ์ลำบาก หากสองฝ่ายไม่เห็นด้วยกัน การไหว้เป็นแบบการทักทายและแสดงความเคารพของผู้น้อยต่อผู้ใหญ่ตามประเพณีและมีแบบพิธีเข้มงวด คนไทยใช้ชื่อต้นมิใช่นามสกุล และใช้คำว่า "คุณ" ก่อนชื่อ[2] คนไทยเคารพความสัมพันธ์แบบมีลำดับชั้น ความสัมพันธ์ทางสังคมนิยามว่า บุคคลหนึ่งสูงกว่าอีกคนหนึ่ง บิดามารดาสูงกว่าบุตรธิดา ครูอาจารย์สูงกว่านักเรียนนักศึกษา และเจ้านายสูงกว่าผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อคนไทยพบคนแปลกหน้า จะพยายามจัดให้อยู่ในลำดับชั้นทันทีเพื่อให้ทราบว่าควรปฏิบัติด้วยอย่างไร มักโดยการถามสิ่งที่วัฒนธรรมอื่นมองว่าเป็นคำถามส่วนตัวอย่างยิ่ง สถานภาพกำหนดได้โดยเสื้อผ้า ลักษณะปรากฏทั่วไป อายุ อาชีพ การศึกษา นามสกุลและความเชื่อมโยงทางสังคม[2] ครอบครัวเป็นเสาหลักของสังคมไทยและชีวิตครอบครัวมักอยู่ใกล้ชิดกว่าวัฒนธรรมตะวันตก ครอบครัวไทยเป็นลำดับชั้นทางสังคมอย่างหนึ่ง และเด็กถูกสอนให้เคารพบิดามารดา สังคมคาดหวังให้สมาชิกครอบครัวดูแลผู้อาวุโสและบ้านพักคนชราและโรงพยาบาลเป็นทางเลือกสุดท้าย คนชรามักอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวและหลานและเกี่ยวข้องในชีวิตครอบครัว

คนตื่นพระ -พระพุทธ -พระธรรม-พระสงฆ์ วัฒนธรรมท้องถิ่นไทย

หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นายวุฒิ​ชัย​ ศุ​ภ​อรรถ​พา​นิช​ นายก​เทศมนตรี​เมือง​กำแพงเพชร​

วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 หลวงพ่อมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ ประธานสงฆ์ในพิธีทางศาสนา ทำบุญขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์วัดกะโลทัย ปีที่ 15 โดย นา...

งานประชาสัมพันธ์ ผลงาน ท่านหลวงพ่อพระมหากฤชวัฒน์ ปัญญาวุโธ